มาตรา177 เบิกความเท็จ
นำเข้าเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2560 โดย จุฬา ศรีบุตตะ
อ่าน [58552]  

รองโฆษกอัยการฯชี้คดี'ครูจอมทรัพย์'มีขบวนการรับจ้างเป็น'แพะ' วันอาทิตย์ ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560, 17.32 น. คดีขับรถชนคน ประยุทธ เพชรคุณ ตกเป็นแพะ รองโฆษกอัยการฯ ครูจอมทรัพย์ จอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตข้าราชการครู จากกรณีศาลจังหวัดนครพนม ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ยกคำร้องขอรื้อคดีใหม่ของ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 54 ปี อดีตข้าราชการครูใน จ.สกลนคร ซึ่งถูกดำเนินคดีขับรถชนคนตาย ต่อมา พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผบก.ภ.จว.นครพนม ออกมาระบุจะแจ้งความดำเนินคดีกับพยานเท็จของครูจอมทรัพย์ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้าล่าสุด นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ยกคำร้องการขอรื้อฟื้นคดีอาญาของนางจอมทรัพย์ เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า เรื่องนี้สังคมได้เรียนรู้หลายอย่างจากคดีนี้ถึงการทำงานของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่รวมทั้งผลที่จะตามมา ซึ่งหากเป็นกรณีผู้ที่เกี่ยวข้องใช้สิทธิทางศาลโดยไม่สุจริตหรือที่เรียกว่า มาศาลมือไม่สะอาดด้วย.....

โดยเรื่องนี้ข้อแรกจะเห็นได้ว่า เมื่อศาลฎีกาได้ยกคำร้องของนางจอมทรัพย์ ย่อมเป็นการยืนยันว่าคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีที่พิพากษาลงโทษจำคุกเป็นเวลา 3 ปี 2 เดือน ข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และหลบหนีไม่ยอมหยุดให้ความช่วยเหลือหรือแจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าที่ทันที ถือเป็นคำพิพากษาที่ถูกต้องทุกประการ หรือสรุปสั้นๆ คือ นางจอมทรัพย์ไม่ใช่ "แพะ" ตามที่เป็นข่าว หากแต่เป็นบุคคลที่กระทำผิดอาญาตามที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาจำคุก และที่สำคัญที่สุดคือ กว่าที่ศาลฎีกาจะมีคำพิพากษาลงโทษครูจอมทรัพย์ การทำงานของหน่วยงานยุติธรรมหลายหน่วยงาน ทั้งสำนักงานตำรวจเเห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด และศาลยุติธรรม ย่อมแสดงให้เห็นว่าต่างก็ได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่แล้ว ซึ่งเฉพาะคดีนี้มีการพิจารณาถึง 3 ชั้นศาล นับว่ามีการพิเคราะห์ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอย่างเต็มที่แล้ว ประเด็นที่สังคมหรือประชาชนอาจสงสัยก็คือ แล้วอย่างไรถึงจะรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ได้ ในข้อนี้ขอชี้แจงในเบื้องต้นว่า สาเหตุที่มีการตรา พ.ร.บ.การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ.2526 นั้นก็เนื่องมาจากมีความเชื่อว่า การตัดสินคดีอาญาของศาลอาจเกิดข้อผิดพลาดคลาดเคลื่อนได้ โดยเฉพาะขณะที่ตัดสินไม่มีพยานหรือข้อเท็จจริงปรากฎในชั้นพิจารณาของศาล ซึ่งหลักกฎหมายนี้ให้โอกาสคนที่ถูกลงโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลมีสิทธิขอให้ศาลรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นมาพิจารณาใหม่ได้ ถ้าผู้ที่ต้องคำพิพากษาไม่ได้กระทำผิดหรือ เป็น "แพะ" นั่นเอง เรื่องนี้มีการวางหลักไว้ใน มาตรา 5 ของ พ.ร.บ.รื้อคดีอาญาฯ ที่มีสาระสำคัญ คือ 1.พยานหลักฐานใหม่อันชัดแจ้งและสำคัญเเก่คดี ซึ่งถ้าได้มานำมาสืบในคดีอันถึงที่สุดไปนั้นจะแสดงได้ว่าผู้ที่ถูกลงโทษไม่ได้กระทำผิดหรือ 2.มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าบุคคลที่มาเบิกความจนศาลรับฟังไปลงโทษนั้นเบิกความเท็จ และ 3.มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าพยานเอกสารที่ศาลฟังลงโทษนั้นเป็นเอกสารปลอม กรณีถ้ามีข้อเท็จจริงอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวศาลจะให้รื้อฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ และจะพิพากษาเพิกถอนคำพิพากษาเดิมที่ลงโทษและมีคำพิพากษาใหม่ โดยยกฟ้องคดีเดิมเพื่อยืนยันว่าผู้ร้องเป็นผู้บริสุทธิ์ และคืนสิทธิต่างๆ ตามกฎหมายให้ด้วย โฆษกฯ อัยการสูงสุด กล่าวต่ออีกว่า สำหรับคดีครูจอมทรัพย์ที่ได้ยื่นคำร้องคดีนี้โดยอ้างเหตุว่า ไม่ได้ขับรถชนผู้ตาย โดยมี นายสับ วาปี ไปจ่ายค่าเสียหายทางแพ่งให้ญาติผู้ตาย แต่เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกลับปรากฎว่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีพยานหลักฐานบ่งชี้ยืนยันว่าเป็นขบวนการว่าจ้าง จนเป็นที่มาของการนำสืบแสดงให้ศาลเห็นจนศาลฎีกายกคำร้องในคดีนี้ "ตรงนี้จึงต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานอัยการจังหวัดนครพนม ที่ทำหน้าที่อย่างเต็มที่เข้าไปคัดค้านคำร้องของครูจอมทรัพย์ จนศาลฎีกายกคำร้อง ซึ่งมีคำวินิจฉัยไว้ในคำพิพากษาศาลฎีกาหน้าที่ 39 และ 40 ได้ชัดแจ้งว่า เรื่องนี้มีขบวนการว่าจ้างให้มีการสมอ้างเป็นคนขับรถคันดังกล่าว และได้ยกคำร้องของนางจอมทรัพย์" นายประยุทธ กล่าวต่อว่า ในเมื่อศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้คำพิพากษาว่ามีขบวนการว่าจ้างให้นายสับ มาสมอ้างว่าเป็นคนขับรถชนผู้ตาย แล้วต่อไปจะได้รับผลตามกฎหมายอย่างไรบ้างนั้น ประเด็นนี้เรียนว่าโดยหลักแล้วการฟ้องคดีหรือการเบิกความต่อศาลจะต้องกระทำโดยสุจริต หรือมาศาลมือสะอาด ดังนั้น หากไม่สุจริตหรือเอาความเท็จในข้อสำคัญทางคดีมาเบิกความต่อศาลก็เข้าข่ายมีความผิดฐานเบิกความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 177 ได้ ซึ่งความผิดฐานเบิกความเท็จมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ไม่ว่าจะเป็นคนเบิกความหรือคนที่ได้จ้างวานก็จะมีความผิดเช่นเดียวกัน แต่การดำเนินการต่อไปอย่างไรในเรื่องนี้ตนจะไม่ขอก้าวล่วง เนื่องจากเป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่ต้องดำเนินการต่อไป

 

 
กำลังแสดงหน้าที่ 1 จากทั้งหมด 0 หน้า [หน้าถัดไปคือหน้าที่ 2] 1
 

 
เงื่อนไขแสดงความคิดเห็น
1. ทุกท่านมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระเสรี โดยไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ไม่กล่าวพาดพิง และไม่สร้างความแตกแยก
2. ผู้ดูแลระบบขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใด ๆ ต่อเจ้าของความคิดเห็นนั้น
3. ความคิดเห็นเหล่านี้ ไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมาย และไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับคณะผู้จัดทำเว็บไซต์

ชื่อ :

อีเมล์ :

ความคิดเห็นของคุณ :
                                  

              * ใส่รหัสจากภาพที่เห็นลงในช่องด้านล่าง และใส่คำตอบจากคำถาม เพื่อยืนยันการส่งความเห็น
  และสำลีสีอะไร
    

          ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการแสดงความคิดเห็นโดยสาธารณชน ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าชื่อผู้เขียนที่้เห็นคือชื่อจริง และข้อความที่เห็นเป็นความจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ boyoty999@google.com  เพื่อให้ผู้ดูแลระบบทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้