ขอให้จับหนูได้
นำเข้าเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2560 โดย จุฬา ศรีบุตตะ
อ่าน [58525]  

หลายคนตั้งคำถามว่าการสำรวจของโพลล์ไม่ว่าสำนักไหนกี่ครั้งต่อกี่ครั้งนับตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 และมีรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. จวบจนปัจจุบันเสียงสะท้อนของประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังคงเชื่อมั่นในตัว “บิ๊กตู่” อย่างเสมอต้นเสมอปลายแม้ช่วงหลังคะแนนนิยมจะลดลงแต่ก็ยังอยู่ในอัตราที่สูงโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับบรรดานักลากตั้งไม่ว่าพรรคไหนที่ความศรัทธาของประชาชนลดต่ำฮวบ.....

ล่าสุดสถาบันพระปกเกล้าเผยแพร่ผลสุ่มตัวอย่างสำรวจความเห็นประชาชนทั่วประเทศรวม 33,420 คนระหว่างวันที่ 24 เม.ย.-15 พ.ค. 2560 ที่ผ่านมา โดยในประเด็นความนิยมในตัว พล.อ.ประยุทธ์ เคยอยู่ที่ 87.5 % ช่วง 1 ปีหลังการรัฐประหารมาอยู่ที่ 84.6 ในปี 2559 และ 84.8 ในปี 2560 ซึ่งถือว่าลดลงเล็กน้อย นอกจากนี้ผลสำรวจในเรื่องความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อทหารในช่วง 15 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ 77.98%โดยยุคที่มีความเชื่อมั่นสูงสุดคือในปี 2558 ยุค พล.อ.ประยุทธ์ ขณะที่ความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อบุคคลหรือคณะบุคคลพบว่า อันดับแรกคือ แพทย์ในโรงพยาบาลของรัฐ 86.4% แพทย์ในโรงพยาบาลของเอกชน 85.6% ทหาร 85.1% พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกฯ 84.8% และ คสช. 82.3% ขณะที่ความนิยมต่ำสุดประกอบด้วย พรรคประชาธิปัตย์ 36.8% องค์กรพัฒนาเอกชน หรือเอ็นจีโอ38.3% พรรคเพื่อไทย 39.4% พรรคการเมืองโดยรวม 43.5% และคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์และการสร้างความสามัคคีปรองดอง(ป.ย.ป.)47.6% ผลสำรวจของสถาบันพระปกเกล้าโพลล์ที่ออกมาจุดแข็งก็คือเป็นการสุ่มตัวอย่างประชากรทั่วประเทศที่มีขนาดใหญ่มากกว่าโพลล์ทุกสำนักที่ผ่านมาซึ่งสุ่มตัวอย่างแค่ 1,000 กว่าคน หรือ 2,000 คนเท่านั้นทำให้สถาบันพระปกเกล้าโพลล์มีน้ำหนักความน่าเชื่อถือมากกว่า แต่ข้อด้อยก็คือการเผยแพร่ผลสำรวจที่ล่าช้าล้าสมัยเพราะไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยโพลล์ของสถาบันพระปกเกล้าสำรวจตั้งแต่เมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันผ่านมาหลายเดือนแล้วซึ่งสถานการณ์ทางการเมืองหลายเรื่องเปลี่ยนไปมาก อาทิ ผลสำรวจในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความนิยมในพรรคการเมืองเฉพาะพรรคเพื่อไทยซึ่งกรณีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด หนีไม่ไปฟังคำพิพากษาคดีโครงการรับจำนำข้าวเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้งคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ลงโทษ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ในข้อหาทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจีเป็นเวลาถึง 42 ปี ขณะที่จำเลยคนอื่นๆ ได้รับโทษลดหลั่นกันไปย่อมส่งผลต่อคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยตลอดจนพรรคการเมืองในภาพรวมไม่น้อย ที่น่าประหลาดใจก็คือทำไมผลสำรวจของโพลล์สำนักต่างๆ ตลอดช่วงที่ผ่านมาสะท้อนอย่างสอดคล้องว่า ประชาชนส่วนใหญ่เหมือนไม่อยากให้มีการเลือกตั้งด้วยซ้ำ และยังต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่บริหารประเทศต่อไป ซึ่งผิดปกติไปจากการรัฐประหารในอดีต ที่แม้ประชาชนจะให้การสนับสนุนคณะรัฐประหารในระยะแรก แต่พอเวลาผ่านไปประชาชนจะเกิดปฏิกิริยาทวงคืนอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ และบางยุคบางสมัยนำไปสู่การนองเลือดจากการลุกฮือของประชาชน แต่คสช.ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ กลับยังสามารถรักษาความศรัทธาจากประชาชนได้อย่างคงเส้นคงวาแม้ช่วงหลังจะลดลงไปบ้าง แต่ก็ยังถือว่าคะแนนนิยมยังอยู่ในอัตราที่สูงทิ้งห่างนักการเมืองแบบไม่เห็นฝุ่น ที่เป็นเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์ และคสช.ไร้ข้อบกพร่อง แต่เกิดจากพฤติกรรมของนักเลือกตั้งบางพรรคในอดีตที่เป็นธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมที่โกงชาติปล้นแผ่นดินอย่างมโหฬารและย่ามใจ ทะเยอทะยานคิดผูกขาดอำนาจเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองประเทศถึงขั้นบ่อนทำลายสถาบันสำคัญของชาติ ขณะเดียวกันก็อาศัยคราบความเป็นเผด็จการรัฐสภาเป็นข้ออ้างแสวงหาผลประโยชน์และทำสิ่งชั่วร้ายตามใจชอบโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรม จนกลายเป็นต้นเหตุสำคัญของวิกฤติความแตกแยกในชาติจากความไม่พอใจของมวลมหาประชาชนที่ออกมาแสดงพลังขับไล่ระบอบทรราชในคราบประชาธิปไตยจนกลายเป็นวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่สร้างความบอบช้ำอย่างหนักแก่ประเทศตลอดช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ขณะที่การเมืองด้วยระบบรัฐสภาก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้จนนำไปสู่วิกฤติความรุนแรงจนในที่สุดกองทัพต้องเข้ายึดอำนาจ ด้วยวิกฤติศรัทธาที่ประชาชนส่วนใหญ่เบื่อหน่ายเอือมระอาต่อเหล่านักโกงเมืองจึงเป็นคำตอบว่าทำไมผลสำรวจโพลล์จึงสะท้อนเสียประชาชนส่วนใหญ่หวังพึ่งพล.อ.ประยุทธ์เพราะหวังอยากเห็นบ้านเมืองมีการปฏิรูปประเทศอย่างจริงจังไม่กลับไปสู่ฝันร้ายวังวนของวงจรอุบาทว์อันเลวร้ายอีก ทีมข่าวการเมือง

 

 
กำลังแสดงหน้าที่ 1 จากทั้งหมด 0 หน้า [หน้าถัดไปคือหน้าที่ 2] 1
 

 
เงื่อนไขแสดงความคิดเห็น
1. ทุกท่านมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระเสรี โดยไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ไม่กล่าวพาดพิง และไม่สร้างความแตกแยก
2. ผู้ดูแลระบบขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใด ๆ ต่อเจ้าของความคิดเห็นนั้น
3. ความคิดเห็นเหล่านี้ ไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมาย และไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับคณะผู้จัดทำเว็บไซต์

ชื่อ :

อีเมล์ :

ความคิดเห็นของคุณ :
                                  

              * ใส่รหัสจากภาพที่เห็นลงในช่องด้านล่าง และใส่คำตอบจากคำถาม เพื่อยืนยันการส่งความเห็น
  และสำลีสีอะไร
    

          ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการแสดงความคิดเห็นโดยสาธารณชน ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าชื่อผู้เขียนที่้เห็นคือชื่อจริง และข้อความที่เห็นเป็นความจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ boyoty999@google.com  เพื่อให้ผู้ดูแลระบบทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้