ประเด็นร้อนแรง..จริงๆๆ นำเข้าเมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2560 โดย จุฬา ศรีบุตตะ อ่าน [58499]
.....ตอนนี้กระแสเรียกร้องให้มีการปฏิรูปองค์กรต่าง ๆ กำลังเป็นประเด็นร้อนแรงที่สังคมกำลังให้ความสนใจวิพากษ์วิจารณ์กัน โดยเฉพาะเรื่องการปฏิรูปตำรวจ ที่ประชาชนอยากเห็นมากที่สุด และคาดหวังว่าจะได้เห็นผลสำเร็จเป็นรูปธรรมใน 9 เดือนจากนี้ไป ภายใต้การนำทัพปฏิรูปตำรวจโดย พลเอกบุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้ที่มีดีกรีระดับอาจารย์ของนายกรัฐมนตรี
หากพูดถึงข้อเสนอเรื่องการปฏิรูปตำรวจมีการศึกษามานานจากหลายองค์กร ทั้งจาก นักการเมือง นักวิชาการ สื่อมวลชน ประชาชน และคนในวงการตำรวจเอง ซึ่งทีมข่าวลึกทันใจเห็นว่า มีมุมมองหนึ่งที่น่าสนใจมากของนายตำรวจน้ำดี อดีตอธิบดีกรมตำรวจ พลตำรวจเอก ประทิน สันติประภพ ที่มีข้อเสนออย่างตรงไปตรงมา ใน 5 ประเด็นหลักคือ
1. การจะแก้ปัญหาการซื้อ-ขายตำแหน่งของข้าราชการตำรวจได้ ต้องเปลี่ยนวิธีการพิจารณาในการแต่งตั้งโยกย้าย โดยให้พิจารณาจากลำดับอาวุโสเท่านั้น เพราะจะเห็นได้ว่าหลักการแต่งตั้งโยกย้ายในปัจจุบันที่พิจารณาจากลำดับอาวุโส 33% และจากความเหมาะสม 67% นั้น ในส่วนของ 67% นี่เองที่เป็นการเปิดช่องให้เกิดการซื้อ-ขายตำแหน่ง
2. ยกเลิกยศของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตำรวจทำงานแบบเอาใจนายเพื่อให้ได้เลื่อนยศ
3. เพิ่มอัตรากำลังของตำรวจในแต่ละส่วนให้สอดคล้องกับภารกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และแก้ปัญหาการเรียกรับเงินใต้โต๊ะในการทำงาน
4. ยุบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาการใช้อำนาจแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากปัจจุบันตำรวจแต่ละนายมีผู้บังคับบัญชามาก ตั้งแต่ระดับสถานี ระดับภาค ไปจนถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงเป็นช่องทางให้ผู้ที่ต้องล้มคดีพยายามวิ่งเข้าหาผู้บังคับบัญชาระดับสูงซึ่งมีอำนาจสั่งการ โดยมีทั้งเข้าหานายตำรวจระดับสูงโดยตรงและวิ่งเต้นผ่านนักการเมืองที่มีอำนาจ ดังนั้นจึงควรให้ตำรวจขึ้นตรงกับผู้ว่าราชการจังหวัด โดยมีผู้บังคับการจังหวัดเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด ตำรวจจะทำงานเพื่อประชาชนในพื้นที่ ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดก็จะดูแลให้ตำรวจทำงานด้วยความซื่อตรงเพราะไม่เช่นนั้นผู้ว่าฯ ก็จะถูกเพ่งเล็งไปด้วย
5. สำหรับตำรวจที่ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ประจำสถานีตำรวจ เช่น กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจสันติบาล กองบัญชาการศึกษา ก็ให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักนายกรัฐมนตรี ส่วนตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่เฉพาะด้านก็ให้ไปสังกัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น ตำรวจนครบาลให้ขึ้นกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตำรวจป่าไม้ให้อยู่ภายใต้สังกัดกรมป่าไม้
ขณะที่ นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ซึ่งติดตามตรวจสอบเรื่องการซื้อขายตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาอย่างต่อเนื่อง แสดงความมั่นใจว่า การทำงานของคณะกรรมการปฏิรูปฯ ชุด พล.อ.บุญสร้าง จะสำเร็จเป็นรูปธรรม และเห็นด้วยกับการโอนย้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปสังกัดกระทรวงยุติธรรม เพราะจะทำให้สามารถกำกับดูแลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และถ้าจะให้ดีกว่านั้น ก็ควรเลื่อนการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจปีนี้ไปก่อนจนกว่าจะมีการปฏิรูปได้สำเร็จ ทีมข่าวลึกทันใจก็หวังไว้อย่างสูงเช่นกันว่า สักวันหนึ่งจะได้เห็นตำรวจเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ไม่ใช่ผู้พิฆาตสันติสุขอย่างที่ผ่านมา และไหนๆก็พูดถึงเรื่องปฏิรูปตำรวจมามากแล้ว อยากจะขอแถมจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกสักนิดคือ ขอพ่วงปฏิรูปอัยการไปด้วยก็จะดีไม่น้อย อย่างกรณีของอัยการเมากร่างรายล่าสุด สะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมบ้าอำนาจที่ต้องเลิกได้แล้ว แม้จะเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ก็ ได้สร้างความเสื่อมเสียให้องค์กรอย่างชนิดที่สังคมรับไม่ได้จริงๆ
|