คนไทยหรือเปล่า??
นำเข้าเมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2559 โดย จุฬา ศรีบุตตะ
อ่าน [58587]  

.....

  •  

ไม่ใช่เรื่อง 'คนนอก-คนใน' แต่เป็นเรื่องว่า 'อะไรคือกติกา'

 

                    ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา บทความที่ถูกส่งต่อและกลายเป็นข้อถกเถียงกันมากที่สุด คือบทความของ “ดร.เขียน ธีระวิทย์” ศาสตราจารย์กิตติคุณ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เรื่อง“นายกฯ คนนอก” เป็น

คนไทยหรือเปล่า??

                 ก่อนที่จะวิเคราะห์วิจารณ์ใดๆ ไปอ่านบทความของท่านกันก่อนครับ ท่านเขียนไว้ว่า...

“...เมื่อผมอายุไม่ถึง 7 ขวบ ผมชอบเอาหนังสติ๊กไปยิงนกกระจิบที่ชอบบินมาหาแมลงกินที่พุ่มไม้ใกล้บ้าน ผมเคยยิงมันตาย
แล้วคิดภูมิใจว่ามีฝีมือยิงแม่น ภายหลังโตเป็นผู้ใหญ่ ผมจึงสำนึกได้ว่า ผมทำบาป ยิงนกตาย พรากมันจากพ่อ-แม่-ลูก-คู่รักของมัน โดยไม่มีใครได้ประโยชน์อะไรเลย

                         เมื่อผมเรียนวิชารัฐศาสตร์จบปริญญาตรี-เอกใหม่ๆ ผมเชื่อว่าการปกครองในระบอประชาธิปไตยดีเลิศ ผมไม่ได้สนใจที่จะเรียนรู้พฤติกรรมในการเลือกตั้งของไทย ว่า เขาเลือกผู้แทนกันมาอย่างไร ผมเคยเขียนบทความลงในวารสารต่างๆ ยืนหยัดความเชื่อของผมว่า การทำรัฐประหารเป็นงานเลวร้ายที่จะอ้างเหตุผลใดๆ มาลบล้างไม่ได้ทั้งสิ้น

                          เมื่อผมเกษียณอายุราชการแล้ว ผมเห็น “คนพันธุ์ทักษิณ” ยึดอำนาจรัฐในไทย โดยผ่านการเลือกตั้งสกปรก ผมเห็นพวกเขาโกงบ้านกินเมือง ใช้อำนาจปกครองประเทศ โดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์ของตนและพรรคพวก

                        จนที่สุดผมได้ข้อสรุปว่า คนไทยจะแตกแยกกันทุกหย่อมหญ้า และประเทศชาติจะล่มจมในที่สุด ถ้าหากเราจะหวังลมๆ แล้งๆ รอคอยพระสยามเทวาธิราชมากอบกู้สถานการณ์ ให้การใช้กำลังเข้ายึดอำนาจโดยทหาร เป็นทางออกที่เลวร้ายน้อยที่สุด

                           แล้วสถานการณ์ก็บังคับให้ทหารทำรัฐประหารจริงๆ ถึง 2 ครั้ง ซึ่งผมก็เห็นชอบด้วย นั่นคือ ผมได้เปลี่ยนทัศนคติทางการเมืองอย่างชัดเจน จากเดิมที่ว่า ทหารต้องห้ามทำรัฐประหาร มาเป็น ทหารมีสิทธิ์ธรรมชาติที่จะทำรัฐประหารได้ ถ้าเรามีประชาธิปไตยจอมปลอมที่ไม่ยึดหลักกฎหมายในการปกครองประเทศ

                                สิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ ผมมีเวลาวิเคราะห์ปัญหาการเมืองไทยมากขึ้น ผมดูจากของจริงมากกว่าเชื่อตามตำรา ผมเห็นคนไทยในวงการวิชาการ สื่อมวลชน นักเคลื่อนไหวทางการเมืองและนักการเมืองจำนวนมาก มีทัศนคติทางการเมืองเหมือนผมสมัยมันสมองยังไม่โต ยิงนกกระจิบเล่นโดยไม่รู้จักคิดให้รอบคอบว่า แล้วใครจะได้อะไร จะเอาระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนเป็นใหญ่ แล้วได้ประชาธิปไตยจอมปลอมที่ใครเป็นใหญ่กันแน่ รณรงค์ชวนคนอื่นให้ออกเสียงไม่รับช่วงรัฐธรรมนูญ โดยไม่คิดให้รอบคอบว่า ถ้าไม่รับฉบับนี้แล้ว ผลจะเป็นอย่างไร

                             ปัจจุบัน มีการรณรงค์กันอย่างแพร่หลายว่า นายกรัฐมนตรีจะต้องมาจากการเลือกตั้ง “ไม่เอานายกรัฐมนตรีคนนอก” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแชมป์ล่าสุดที่ออกมาสอนคนให้เชื่อเช่นนั้น ตอนที่ผมยังเป็นหนุ่มและฟุ้งซ่านประชาธิปไตยในแผ่นกระดาษนั้น ผมตกหลุมตำราวิชาการฝรั่งไม่ลึกเท่ากับอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์

                          เรามีตัวอย่างให้เห็นกันชัดๆ ตั้งแต่ปี 2520 เป็นต้นมา เรามีนายกรัฐมนตรี 9 คน (ไม่รวมที่เป็นไม่เกิน 2 เดือน) เป็น “คนนอก” 5 คน ได้แก่ พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์, พลเอกเปรมติณสูลานนท์, คุณอานันท์ ปันยารชุน, พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

                           ส่วนที่เป็น “คนใน” มี 9 คน คือ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ, นายชวน หลีกภัย, นายบรรหาร ศิลปอาชา, พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ, นายทักษิณ ชินวัตร, นายสมัคร สุนทรเวช, นายสมชาย วงค์สวัสดิ์, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เราเห็นแล้วยังว่าใครทำประโยชน์ให้แก่ชาติ ใครทำลายประเทศชาติมากกว่ากัน

                             มีใครมองไม่เห็นบ้าง “นายกฯ คนนอก” เช่น พลเอกเปรม และคุณอานันท์ นั้น มีคุณูปการต่อประเทศชาติมากเพียงใด พลเอกประยุทธ์ใช้เวลา 2 ปีเศษกอบกู้ประเทศเรา ซึ่งจมปลักอยู่กับกองเพลิงแห่งความขัดแย้ง ให้เป็นได้อย่างทุกวันนี้ เรียกว่าเป็นผู้นำที่ไม่ธรรมดา แต่อนาคตจะเป็นอย่างไรนั้น เรายังมองไม่เห็น

                             ส่วน “นายกฯ คนใน” นั้น ผู้ที่มีคุณสมบัติกอบกู้ชื่อเสียงของนักการเมืองในสายตาของผมมีคนเดียว คือ คุณชวน หลีกภัย ส่วน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนั้น พูดเก่ง มีหลักการ-หลักวิชา เหมาะกับการเป็นผู้นำของประเทศประชาธิปไตยตะวันตก ท่านมีปัญหาเรื่องการตัดสินใจในการแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ทางการเมือง

                              กรณีการประชุมสุดยอดอาเซียน +6 ที่โรงแรมรอยัลคลิฟบีช รีสอร์ท ที่พัทยา (10 เมษายน 2552) ซึ่งถูกม็อบเสื้อแดงบุกขับไล่อภิสิทธิ์และผู้นำต่างประเทศหนีกระเจิงตั้งแต่วันแรก และต้องล้มเลิกการประชุมคราวนั้น ประเทศไทยเสียหายอย่างใหญ่หลวง อย่างประเมินค่ามิได้ การประชุมที่สำคัญยิ่งครั้งนั้น นายกรัฐมนตรีผู้เป็นเจ้าภาพ จะต้องมีข้อมูลที่ทันต่อเหตุการณ์เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของฝ่ายต่อต้าน

                            ถ้าไม่มี ก็ต้องถือว่าบริหารงานข่าวกรองไม่เป็น ท่านน่าจะรู้ว่า ลำพังกำลังตำรวจนั้น เชื่อถือไม่ได้ และงานสำคัญเช่นนั้น จะเลื่อนหรือยกเลิกก็ไม่ได้ ทำไมท่านไม่ขอกำลังทหารมาช่วย ถ้าท่านมัวกังวลใจว่า เอาทหารมาใช้งานรักษาความสงบเรียบร้อยภายในไม่เป็นประชาธิปไตย ก็หมายความว่าท่านเอาหลักวิชาประชาธิปไตยมาประยุกต์ใช้กับประเทศที่ไม่เป็นประชาธิปไตยไม่เป็น เช่นเดียวกับที่ท่านถูกม็อบเสื้อแดงไล่ต้อนซุกรถหนีออกมาจากกระทรวงมหาดไทย 2 วันต่อมา และการสลายการชุมนุมที่ยืดเยื้อของม็อบเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์ (12 มีนาคม-19 พฤษภาคม 2553) ส่วนหนึ่งเป็นเพราะท่านตัดสินใจ แก้ปัญหาไม่เป็น??

                             สิบกว่าปีที่ผ่านมา ผมเห็นภัยจากระบอบประชาธิปไตยสามานย์มากขึ้น สหรัฐฯ ได้ชื่อว่า เป็นแชมเปี้ยนของระบอบประชาธิปไตย แต่ไม่มีประเทศใดเสมอเหมือนในการทำร้ายคนบริสุทธิ์ทั่วโลก ใครเป็นผู้นำไล่ล่าสังหารซัดดัม ฮุสเซนของอิรัก ใครไปโค่นล้มรัฐบาลมูอัมมาร์ อัล กัดคาฟี่ของลิเบีย ทำให้ 2 ประเทศนี้ประสบภาวะสงครามแหลกลาญมาจนถึงทุกวันนี้ ยังมีอัฟกานิสถาน ซีเรีย และอื่นๆ อีกมากมาย ฉะนั้นคนไทยทั้งหลาย จงอย่าหลงใหลคลั่งไคล้ระบอบประชาธิปไตยให้มากนักเลย

                          มีคนสร้างประเด็นความขัดแย้งให้พวกเรา ตั้งแต่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่เพิ่งผ่านประชามติ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา “นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง” คนที่เล่นการเมืองเป็นอาชีพของไทย มีไม่ถึง 1% ของประชากรทั้งหมด ต้องการผูกขาดอำนาจแต่งตั้งผู้บริหารสูงสุดของประเทศก็ได้แล้ว แม้พรรคการเมืองจะคัดสรร “คนนอก” มาอยู่ในบัญชีผู้แข่งเป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 158-159 ก็ไม่ยอม คนดีๆ มีความสามารถมากมายไม่อยากไปแย่งตำแหน่งนั้นกับนักการเมืองหรอก บางคนแม้ท่านจะเอาดอกไม้ธูปเทียนไปเชิญก็ยังไม่ยอมรับด้วยซ้ำ

                          คิดได้หรือไม่ว่า ท่านกำลังเรียกร้องคนไทยทั่วประเทศ ให้ตัดสิทธิ์ของคนอาชีพอื่นมากกว่า 99% มิให้เขาได้ผู้นำที่ดีมีความสามารถ เพราะเขาไม่ยอมสมัครเลือกตั้ง สส. หรือเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ที่นักการเมืองได้ทำให้สกปรกไปแล้ว

                           “คนนอก” เป็นคนไทยหรือเปล่า? ตอบคำถามนี้ได้ไหม? กลัวทหารมาเป็นนายกรัฐมนตรีใช่ไหม? ทหารไม่ใช่คนไทยหรือไร? ทหารรักชาติไม่เป็นหรือ? ท่านกลัวทหารเอารถถังมาหนุนหลังปกครองประเทศหรือ? ทุกวันนี้ท่านก็ด่าทหารกันอย่างเสรีอยู่แล้ว ทำไมไม่กลัวล่ะ? ถ้าไม่ทำผิดกฎหมายก็ไม่ต้องกลัวทหาร ผมกลัวนายกฯ ที่ไม่บังคับใช้กฎหมายมากกว่า เพราะคนไม่เคารพกฎหมายทำให้ผมเดือดร้อนด้วย

                           แทนที่จะมารณรงค์ต่อต้าน “นายกฯ คนนอก” เรามาช่วยกันรณรงค์ให้คนไทยอย่าแบ่งแยก “คนใน-คนนอก” ดีกว่า คอยต่อต้านนายกคนต่อๆ ไป ที่ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และ/หรือ ไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดด้วย...”

             จากข้อเขียนของ ดร.เขียน มาถึงความเห็นของผมต่อข้อเขียนนี้บ้าง

                          1) อ่านอย่างฉาบฉวย เพลินๆ มันโคตรจะถูกใจ ได้ใจเลยครับ เราทุกคน โดยเฉพาะคนที่ออกไปต่อสู้บนท้องถนนมาเป็นปีๆ ล้วนเห็นแบบที่ ดร.เขียนเห็น ล้วนรู้สึกแบบที่ ดร.เขียนรู้สึก โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า “...เห็น ‘คนพันธุ์ทักษิณ’ ยึดอำนาจรัฐในไทย โดยผ่านการเลือกตั้งสกปรก ผมเห็นพวกเขาโกงบ้านกินเมือง ใช้อำนาจปกครองประเทศ โดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์ของตนและพรรคพวก...” ซึ่งบัดนี้ คนพันธุ์นั้น ก็ทยอยหนีคุกบ้าง เข้าคุกบ้าง กันอยู่เรื่อยๆ

                       2) ผมเห็นด้วยอย่างที่สุดว่า “...ทหารมีสิทธิ์ธรรมชาติที่จะทำรัฐประหารได้ ถ้าเรามีประชาธิปไตยจอมปลอมที่ไม่ยึดหลักกฎหมายในการปกครองประเทศ...” เพียงแต่เสียดายว่า ดร.เขียน ไม่กระตุกสติ กระตุ้นปัญญาคนอีกสักบรรทัดว่า “แปลว่าเราคนไทยทุกคน ต้องไม่มีส่วนในการปลูกต้นประชาธิปไตยจอมปลอม รดน้ำพรวนดินให้มัน เพิกเฉยจนกระทั่งมันเติบโต แผ่กิ่งก้านสาขา จนกระทั่งดูดกินทุกอย่างไปจนหมด” ดร.เขียน ไม่ได้ชี้ให้เห็นว่า ประชาธิปไตยจอมปลอมจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากประชาชนไม่เลือก และ “ระบบ” ไม่ให้โอกาสในดำรงอยู่จนเกิดความเสียหาย

                           3) จะถูกรุมด่าไหม ถ้าผมจะบอกว่า ผมอยากเห็น “นักวิชาการผู้ใหญ่” อย่าง ดร.เขียน ย้ำและให้สติกับผู้คนว่า ถ้าประชาชนแข็งแรง ระบบการดุลและคานอำนาจแข็งแกร่ง ประชาธิปไตยจอมปลอมจะเกิดขึ้นได้อย่างไร? แทนการสื่อสารในแบบที่ส่งผลให้ประชาชน “มองข้าม” ความมีส่วนสร้างประชาธิปไตยจอมปลอม และ “ระบบที่ยังบกพร่อง” ซึ่งไม่รู้ว่าได้รับการแก้ไขดีพอหรือยัง อย่าเอาแต่เล่นกับ “อารมณ์-ทัศนคติ” ที่ “กระแสกำลังขึ้น” เป็นใหญ่ แต่ไม่ให้ “ปัญญา” ที่จะเห็นปัญหา” เพื่อนำไปสู่การ “ตระหนักรู้” แล้ว “ร่วมกันแก้ไข” เลยครับ ดังนั้น แทนการจิกด่าใครสักคน สักพวก แบบ “วิชาการ” เพื่อผลักออกไปเป็น “อีกพวก” แล้วรวมพวกของเรามา “แบกหางตัวเอง” อย่างชื่นอกชื่นใจ ช่วยชี้ให้เห็นว่าจะทำยังไง ให้ประชาธิปไตยแบบไทยๆ ของเรา ไม่จอมปลอม และไม่เป็นภาระให้ทหารของเทียวรัฐประหารอยู่แบบนี้

                           4) การรัฐประหารควรเป็น “วิธีสุดท้าย” ของประเทศที่เลือกเอา “ระบอบประชาธิปไตย” เป็นกติกาในการอยู่ร่วมกัน ซึ่งผมยอมรับการมีอยู่ของมัน และไม่ปฏิเสธว่า ชอบการรัฐประหารครั้งนี้อย่างยิ่งยวด แต่เมื่อพูดกันถึงวันข้างหน้า เราต่างก็แก่ๆ กันแล้ว เกินกว่าจะ “ให้ท้ายความติดใจ” ในวิธีแบบนี้ บวกกับในยุคที่ประชาชนเรียกร้องการปฏิรูป เราผู้ “อาวุโส” ไปตามๆ กัน ควรเป็นหลัก มิใช่เป็น “หัวหลักหัวตอ” ให้เด็กรุ่นหลังมันตั้งคำถามว่า ทำไมคนรุ่นก่อนหน้า ไม่มุ่งพัฒนาประชาธิปไตยที่มันมีคุณภาพ ด้วยการ “ตั้งระบบ” ที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดประชาธิปไตยจอมปลอมโดยอัตโนมัติให้แก่คนรุ่นเขา

                          5) เอาเข้าจริง บทความนี้คือการ “ไล่ยิงนกกระจิบ” ที่ชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เท่านั้นแหละ ว่า “สมองยังไม่โต” ยังเป็นพวก “เจ้าหลักการประชาธิปไตย” ซึ่งน่าแปลก ที่ดร.เขียน ไม่ชี้ “ความจัญไร” ของพวกทำลายการประชุม กลุ้มรุมจะฆ่านายกฯ และตั้งม็อบโดยปราศจากเหตุผลที่ถูกต้องรองรับ (อ้างว่า ตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ทั้งๆ ที่เขาโหวตกันในสภาตามขั้นตอนทุกอย่าง)

                                  6) แน่นอน ตอนนั้นใครๆ ก็หงุดหงิดว่า ผู้นำคนนี้ ทำไมไม่มีความเด็ดขาดที่จะบังคับใช้กฎหมาย แต่การเอาผู้นำจากการเลือกตั้งไปเทียบกับรัฏฐาธิปัตย์นั้น ท่านต้องรู้จัก “เมตตาต่อนกกระจิบ” มันสักนิด ว่ามันไม่มีปืน ไม่มีรถถัง ไม่มี ม.44 ไม่มีบรรยากาศที่
                          “ผู้ท้าทายอำนาจ” มันยำเกรง โดยตั้งอยู่บน “ความจริง” ที่ “ตรวจสอบ” ให้ “ถูกต้อง” ก่อนเขียนว่า ผู้ดูแล “ข่าวกรอง” ผู้ดูแลสถานการณ์ ทั้งในงานประชุม ที่มหาดไทย และการสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์นั้น มี “ทหาร” ชุด คสช. นี่แหละ ดูให้ ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา, พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ และ พลอ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมกันนั้น ควรดูสถานการณ์ ณ ตอนนั้นว่า เป็นสถานการณ์ “ขุดบ่อล่อปลา” ให้ใช้ “กำลังเข้าจัดการ” ใช่หรือเปล่า นี่ขนาดเขาใช้กฎหมายเข้าจัดการ มันยังเอา “ความตาย 99 ศพ” มาเล่นงานจนถึงทุกวันนี้ หากวันนั้น นายอภิสิทธิ์ เด็ดขาด จะใช้กองกำลังทหารบุกเข้าไป ถามว่า ทหารจะทำไหม? ถ้าใช้กำลังในตอนนั้น ผลลัพธ์จะเหมือนหรือต่างกับการใช้ความถูกต้องจากคำสั่งศาล เรื่อง “การชุมนุมที่ผิดกฎหมาย” เข้ากระชับพื้นที่ ความตายจะมากหรือน้อยกว่าที่เกิดขึ้นนี้ และใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ “ความตายที่บางพวกต้องการ” ในเวลานั้น

                          7) ส่วนเรื่อง “คนใน-คนนอก” ผมว่า ดร.เขียนจำหน้า จตุพร พรหมพันธุ์ เป็น อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปแล้วกระมัง เพราะนายอภิสิทธิ์พูดแต่เพียงว่า โดยหลักการ นายกฯจะต้องมาจาก “บัญชีของพรรคการเมือง” ซึ่งเวลานี้ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ก็ละลาย “คำถามพ่วง” ไปเป็นส่วนหนึ่งของบทเฉพาะกาลของร่างรัฐธรรมนูญด้วย “ความหมายเดียวกันนั้น” มิใช่หรือ? นายอภิสิทธิ์หาได้เป็นผู้ออกมารณรงค์ในเรื่องนี้ไม่ แค่ตอบคำถามสื่อมวลชนว่า การตีความคำถามพ่วง ความหมายเป็นอย่างไร ส่วนจตุพร นปช. พรรคเพื่อไทย พูดอย่างไร ดร.เขียนกลับไม่แตะ และลากเอาคำ เอาการกระทำ และท่าทีของคนฝั่งนั้นมายัดใส่ปาก “นกกระจิบสมองยังไม่โต” ของท่านเอาดื้อๆ

                           ดร.เขียน อาวุโสพอแล้ว ที่จะช่วยกันบอกสังคมว่า คนนอกหรือคนในไม่สำคัญเท่ากับการ “ทำตามกติกา” ไม่ต้องถามเลอะเทอะว่า “คนไทยหรือเปล่า” เพราะกฎหมายไม่อนุญาตให้ต่างด้าวเป็น สส. เป็นทหาร และเป็นนายกฯ อยู่แล้วล่ะ แต่กติกาที่ผ่านความเห็นชอบจาก “ประชามติ” คือ “ร่างรัฐธรรมนูญ” และ “คำถามพ่วง” กำหนดให้เดินทางไหน ก็เดินให้มันตรงทางที่วางไว้เป็นพอ

                      ถ้าเดินไม่ตรงทาง อย่ามาอ้างว่าเป็น “คนดี” จะคนนอกหรือคนในบัญชี กติกาเขาวางไว้แล้ว!!


 

 

 
กำลังแสดงหน้าที่ 1 จากทั้งหมด 0 หน้า [หน้าถัดไปคือหน้าที่ 2] 1
 

 
เงื่อนไขแสดงความคิดเห็น
1. ทุกท่านมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระเสรี โดยไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ไม่กล่าวพาดพิง และไม่สร้างความแตกแยก
2. ผู้ดูแลระบบขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใด ๆ ต่อเจ้าของความคิดเห็นนั้น
3. ความคิดเห็นเหล่านี้ ไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมาย และไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับคณะผู้จัดทำเว็บไซต์

ชื่อ :

อีเมล์ :

ความคิดเห็นของคุณ :
                                  

              * ใส่รหัสจากภาพที่เห็นลงในช่องด้านล่าง และใส่คำตอบจากคำถาม เพื่อยืนยันการส่งความเห็น
  และสำลีสีอะไร
    

          ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการแสดงความคิดเห็นโดยสาธารณชน ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าชื่อผู้เขียนที่้เห็นคือชื่อจริง และข้อความที่เห็นเป็นความจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ boyoty999@google.com  เพื่อให้ผู้ดูแลระบบทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้