ไขความลับ นำเข้าเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2559 โดย จุฬา ศรีบุตตะ อ่าน [58545]
.....
ไขความลับระบบระบายน้ำใน พระราชวังต้องห้าม
ฝนตกหนักแต่ พระราชวังต้องห้าม ไม่เคยปรากฏภาพน้ำท่วมขังเลย ชาวเน็ตชื่นชมระบบระบายน้ำ สะท้อนภูมิปัญญา-ความเฉลียวฉลาดในการสร้างสถาปัตยกรรมของคนสมัยก่อน China Xinhua News เผย "ไขความลับ" ระบบระบายน้ำใน พระราชวังต้องห้าม ระบุ เมื่อวันที่ 25 ก.ค. สำนักข่าวซินหัวประจำกรุงปักกิ่งรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ พระราชวังต้องห้าม ที่มีอายุกว่า 600 ปี ได้กลายเป็นจุดสนใจเพราะเหตุฝนตกหนักในกรุงปักกิ่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เนื่องจากเวลาเกิดฝนตกหนัก พื้นในพิพิธภัณฑ์ พระราชวังต้องห้าม ไม่เคยปรากฏภาพน้ำท่วมขังเลย ทำให้ชาวเน็ตต่างชื่นชมระบบระบายน้ำของ พระราชวังต้องห้าม อย่างล้มหลาม ด้วยเหตุนี้ นายตัน จี้เสียง ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ พระราชวังต้องห้าม จึงออกมากล่าวว่า นี่ไม่เป็นเพียงการสะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาและความเฉลียวฉลาดในการสร้างสถาปัตยกรรมของคนสมัยก่อน แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงการรักษามรดกทางวัฒนธรรมที่ผู้คนในยุคปัจจุบันยึดถือมาโดยตลอดอีกด้วย
China Xinhua News
นายตัน จี้เสียง แนะนำว่า ครั้นเมื่อแรกสร้าง พระราชวังต้องห้าม ระบบระบายน้ำมีการรังวัดพื้นที่อย่างแม่นยำ มีการออกแบบอย่างถูกต้อง และมีการก่อสร้างโดยละเอียด โดยพื้นของ พระราชวังต้องห้าม จะสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ของกรุงปักกิ่ง กล่าวโดยรวมคือ ทิศเหนือสูง ทิศใต้ต่ำ กึ่งกลางสูง ทั้งสองข้างต่ำ อีกทั้งยังมีความลาดเอียงเล็กน้อย ดังเช่น พื้นบริเวณ “ประตูเสินอู่” (神武门) ประตูด้านทิศเหนือของพระราชวังต้องห้าม มีความสูง 46.05 เมตร และ “ประตูอู่” (午门) ประตูด้านทิศใต้ พื้นมีความสูง 44.28 เมตร พื้นตามแนวตั้งสูงประมาณ 2 เมตร โดยการไล่ระดับความสูงนี้เป็นไปเพื่อระบายน้ำตามธรรมชาติ ทำให้น้ำที่เจิ่งนองสามารถระบายออกได้อย่างช้าๆ ทั้งนี้ คูระบายน้ำทั้งหมดภายใน พระราชวังต้องห้าม จะไหลผ่านคลองจินสุ่ยชั้นใน (内金水河) ซึ่งคลองจินสุ่ยชั้นในจะเชื่อมกับคลองด้านนอกที่ล้อมรอบกำแพงพระราชวังที่มีความกว้าง 52 เมตร ทำให้น้ำไหลไปรวมกับคลองจินสุ่ยชั้นนอก (外金水河) รวมถึงระบบคลองรอบนอกอื่นๆ ที่เชื่อมถึงกัน โดยระบบน้ำโดยระบบคลองรอบนอกอื่นๆ ก็มีคุณสมบัติในการการระบายน้ำเช่นเดียวกัน
"ถือเป็นความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาของมนุษย์ในการสร้างพระราชวังแห่งนี้ และยังทำให้เราตระหนักถึงภาระอันใหญ่หลวงของการรักษามรดกทางวัฒนธรรม เราจึงทั้งมีการทำวิจัยและการอนุรักษ์ภูมิปัญญาเหล่านี้ ส่งผลให้ความสามารถในการระบายน้ำของ พระราชวังต้องห้าม ยังคงล้ำสมัยอยู่เสมอ
นายตัน จี้เสียง กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา พิพิธภัณฑ์ พระราชวังต้องห้าม ได้เริ่มศึกษาวิจัยเรื่องระบบระบายน้ำภายในพระราชวังเป็นหลัก โดยใช้ช่วงฤดูฝนในการส่งผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่บันทึก วาดภาพ แล้วสรุปเป็นแผนที่การกระจายของน้ำในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง จากนั้นค่อยวิเคราะห์หาสาเหตุของน้ำท่วมขังจากแผนที่ที่ครอบคลุมในเชิงลึก และศึกษาวิธีการแก้ไขแบบบูรณาการ
นายตัน จี้เสียง กล่าวว่า "สิ่งอำนวยความสะดวกโบราณที่ช่วยระบายน้ำเหล่านี้เองที่เป็นส่วนสำคัญในการทำให้ พระราชวังต้องห้าม ได้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลก ซึ่งควรจะได้รับการดูแลอย่างดีเช่นเดียวกับที่ดูแลอาคารโบราณใน พระราชวังต้องห้าม ด้วยเช่นกัน ตลอด 18 ปีที่ผ่านมาที่มีการบูรณะซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของพระราชวัง หนึ่งในนั้นมีการดูแลรักษาระบบระบายน้ำแบบโบราณรวมอยู่ด้วย โดยในปี 2014 - 2015 มีการบูรณะซ่อมแซมตำหนักฉือหนิง (慈宁宫) ตำหนักโซ่วคัง (寿康宫) อุทยานฉือหนิง (慈宁花园) ทำให้ระบบระบายน้ำฝนของทั้งสามแห่งได้รับการซ่อมแซมบำรุงรักษาด้วย
สืบเนื่องจากคุณค่าและความสำคัญต่อสังคมของ พระราชวังต้องห้าม นั้นมีเพิ่มมากขึ้น ขณะที่เรากำลังปกป้องและอนุรักษ์ระบบระบายน้ำฝนแบบดั้งเดิมของที่นี่ ก็จะต้องสร้างระบบกำจัดน้ำเสียที่สมบูรณ์แบบควบคู่ไปด้วย โดยปัจจุบัน ระบบระบายน้ำภายในพิพิธภัณฑ์ของ พระราชวังต้องห้าม แบ่งเป็นระบบระบายน้ำฝนและน้ำเสียแยกออกจากกัน ระบบบำบัดน้ำเสียเป็นท่อที่เชื่อมกับระบบเครือข่ายการระบายน้ำของเมือง ส่วนระบบระบายน้ำแบบปกติจะใช้เพื่อระบายน้ำฝนเพียงเท่านั้น
นอกจากนี้ ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา พิพิธภัณฑ์ พระราชวังต้องห้าม ค่อยๆ เปลี่ยนวัสดุก่อสร้างแบบดั้งเดิมจากที่เคยใช้หินก็เริ่มลงปูนซีเมนต์และทำเป็นพื้นยางมะตอยทั่วทุกแห่ง ทั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการปรับปรุงภูมิทัศน์ แต่ยังทำให้การระบายน้ำและการซึมของน้ำมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกด้วย
|