นักสู้ MMA ศิลปะการต่อสู้ที่โลกตะลึง
นำเข้าเมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2559 โดย  
อ่าน [58572]  

หล่อล่ำกระชากวิญญาณ 'ครูตอง' นักสู้ MMA ศิลปะการต่อสู้ที่โลกตะลึง .....


 


 

หายไปนานกับคอลัมน์ "ครูในดวงใจ" งานนี้กลับมาอีกครั้งแบบไม่ธรรมดา เพราะแคมปัสมีครูสุดหล่อมาแนะนำ เขามีชื่อว่า "ชนนภัทร วิรัชชัย" นักชก MMA อาชีพชื่อดังของไทย ใครหลายๆ คนเรียกเค้าว่า "ครูตอง" เพราะเค้ายังพ่วงตำแหน่งครูสอน MMA ชื่อดังมาอีกด้วย

บอกแล้วไม่ธรรมดา เราไปพูดคุยกับเค้าถึงเรื่องราวที่น่าสนใจ และน่าตื่นเต้นไปพร้อมๆ กัน แต่ก่อนอื่นที่เราจะรู้จักครูตองได้ดีมากขึ้นนั้น เราไปรู้จักกีฬา MMA เสียก่อน ในมุมมองความคิดเห้นของชายหนุ่มหล่อล่ำบึ้ก ครูตอง เล่าว่า

MMA ย่อมากจาก Mix Martial Art เป็นกีฬาประเภทหนึ่ง ที่เกิดจากศิลปะการต่อสู้จากหลายรูปแบบทั่วโลกมารวมกัน อย่างมวยปล้ำ ยูโด มวยไทย เทควันโด คาราเต้ ซวยเจียว ซูโม่ ปากั้วจ่าง จูลิสสึ ฯลฯ

 
 

ที่มาของ Mix Martial Art

เมื่อใครๆ ก็อยากเห็นว่า ถ้าแต่ละคนที่มีศิลปะการต่อสู้ที่แต่งต่างกัน และมาต่อสู้ ใครจะเป็นผู้ชนะ จึงเกิดจากการแข่งขันที่จัดขึ้นมาให้สู้กัน และตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ก็มีการแข่งขันมาโดยตลอด แต่กติกามันไม่แฟร์ บางคนใส่นวม บางคนไม่ใส่ มันจึงหาความลงตัวไม่ได้ พอแข่งขันกันหลายๆ รายการ จึงเกิดกติกาที่มันเป็นกลางสำหรับใช้ร่วมกัน เรียกมันว่า MMA คือใช้ท่ายืนได้ทุกอย่าง หมัด เท้า เข่า ศอก เหมือนมวยไทยเรา ทุ่มก็ได้ ขอแค่ไม่เอาหัวปักพื้น และถึงแม้จะนอนลงไป แต่ก็ยังต่อสู้ได้

โหดมั้ย??

ถ้าเราไม่ชิน ก็จะมองว่าโหด แต่มันก็มีกติกาอยู่ เช่น ห้ามโจมตีหลังศีรษะ ครอบคลุมทั้งตอนยืนและนอน ซึ่งกติกาเหล่านี้ถูกออกแบบมาอย่างปลอดภัยแล้ว นอกจากนี้ยังมีการตัดสินเกมของกรรมการเข้ามาด้วย อย่างเช่นคนต่อสู้ลงไปนอนแล้ว ใน MMA จะไม่มีการนับสิบ พอล้มลงไปกรรมการจะปล่อยให้ซ้ำ โดยกรรมการจะคำนึงถึงเรื่อง “การป้องกันตัว” เป็นสำคัญ ถ้ายังนอนอยู่หรือยืนอยู่ เมื่อไหร่ก็ตามที่กรรมการมองว่าไม่ป้องกันตัว กรรมการจะมีสิทธิ์เข้าไปหยุดเกมเลย โดยให้ฝ่ายโจมตีเป็นฝ่ายชนะได้เลย และก็หลายครั้งเช่นกันที่คนลงไปนอนแต่กลับเป็นฝ่ายชนะ กรรมการจะเป็นผู้ตัดสินเอง ว่าควรจะหยุดเกมหรือให้ดำเนินเกมต่อ นี่คือเสน่ห์ของ MMA

 
 

อันตรายหรือไม่??

ภาพลักษณ์ที่เราไม่ชิน เราอาจมองว่าอันตราย แต่ตอนนี้มันกลายเป็นกีฬาสากลไปแล้ว ไม่ใช่แค่เราดู แต่แน่นอนมันต้องผ่านการพิจารณา การพิสูจน์แล้วว่ามันปลอดภัย มันถึงเป็นกีฬาที่ออกสื่อได้ เพราะครั้งนึงเคยมีผลวิจัยว่า กีฬาชนิดนี้ปลอดภัยกว่ามวยสากล และไม่เคยมีการตายเกิดขึ้นบนสังเวียนสำหรับการแข่งขันที่ถูกกฎหมาย และถูกต้องตามกฎกติกา เราจะสังเกตว่า นักกีฬาที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป หรืออายุ 60 ปีแล้ว ยังสามารถต่อสู้เป็นแชมป์ได้ เพราะกีฬา MMA ไม่ทำให้ตัวนักกีฬาบอบช้ำมากนัก จากการที่ใช้นวมเล็ก จะปลอดภัยกว่า เพราะน้ำหนักมันไม่เยอะ ร่างกายนักกีฬาก็ไม่ได้รับผลกระทบมาก

วิธีเอาชนะ

วิธีการเอาชนะของ MMA จะหลากหลายมาก ส่วนใหญ่ผมมองว่า กีฬาชนิดนี้เป็นการใช้สมองมากกว่า มันเหมือนหมากรุก มีเบี้ย มีควีน มีเทคนิค มีทักษะ ความถนัดแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเลือกใช้แบบไหน จะหยิบเอาวิชาไหนมาใช้ ให้มันสนุกสนาน โดยนำความคิดสร้างสรรค์มาใช้ เรียกว่ามันเป็นศิลปะแห่งการผสมผสานจริงๆ บางทีเราอาจด้อยกว่าเค้าเรื่องการต่อย แต่เราถนัดการเตะ ก็สามารถใช้ไหวพริบปฏิภาณในการเอาชนะได้

 
 

แนะนำการดู MMA

คนไทยอาจไม่คุ้นชินกับรูปแบบการต่อสู้ที่แปลกๆ และความหลายหลากของ MMA ซึ่งอาจทำให้เราดูไม่เข้าใจ แต่เราจะสนุกไปกับ MMA ได้อย่างไร แนะนำอันดับแรก คือ การเปิดใจศึกษาศิลปะการต่อสู้มากขึ้น เพราะโลกนี้มีรูปแบบการต่อสู้ที่หลากหลายมาก มีวิธีเทคนิคแตกต่างกันไป ถ้าเรารู้ เราก็จะดู MMA ได้สนุกมากขึ้น

ประวัติ ครูตอง ในวัย 27 ปี

ผมก็เป็นคนธรรมดา แต่ตอนนี้คนอาจรู้จักในฐานะ นักสู้อาชีพ และ ครูสอนต่อสู้ แต่สำหรับผม ชีวิตมันธรรมดามากๆ ผมชอบศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก ก็ดูหนังบู๊ และอยากต่อสู้แบบในหนัง ก็เลยไปเล่นยูโด แต่ห่างไกลความเป็นนักกีฬามาก พอโตมาหน่อย อยากเล่นมวยจีนมากๆ ก็เลยเลือกเรียนภาษาจีนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ง่ายมากๆ ตรรกะในชีวิตผม

 
 

เปิดสอนศิลปะป้องกันตัว

ตอนแรกผมไม่ได้คิดจะเป็นนักสู้จริงจังนะ แต่ผมชอบที่จะฝึก ผมก็ฝึกฝนมันมาเรื่อยๆ จนมาวันนึงอยากเปิดสอน ก็เปิดสอนศิลปะป้องกันตัว มวยจีน เลย เอาจริงนะ ตอนนั้นผมอยากหาคนมาเล่นด้วย มาซ้อมด้วย แต่ไม่มีคนเลย จึงเปิดสอนแบบไพรเวตชั่วโมงละ 100 บาท คือไปสอนตามสวน ลูกศิษย์ผมคนแรก เป็นพี่น้องจากรีสอร์ตบางแห่งที่เค้าอยากเรียนป้องกันตัว และมาถึงจุดนึงที่มีลูกศิษย์จุฬาฯ ผมก็เลยได้กลับไปใช้ยิมที่จุฬาฯ สอน เพราะตอนมัธยมผมเคยเรียนที่สาธิตจุฬาฯ และมีชมรมเกิดขึ้น

เริ่มรู้จัก MMA

ยุคนั้นเป็นยุคของไทยไฟต์ ก็ไม่มีใครรู้จัก MMA เลย ส่วนผมเล่น MMA มาตั้งแต่ ม.4 ม.5 เพราะรุ่นพี่ที่สอนมวยจีนคนนึง เค้าจบมาจากอเมริกา เค้าก็เอาแนวการต่อสู้แบบ MMA เข้ามา ผมก็เลยมีโอกาสได้รู้จักมันก่อนชาวบ้านนิดนึง หลังจากนั้นผมได้ไปชกสมัครเล่นครั้งแรก แต่ว่าแพ้คะแนน ผมรู้สึกว่าอยากจะซ้อม MMA อย่างจริงจัง จึงไปฝึกมวย แต่ก็ไม่กล้าไปค่าย เลยไปงานฟรีที่ไทย-ญี่ปุ่นดินแดง ไปฝึกมวยสากล แต่ก็ไม่ได้ฝึกมวยไทยอีก เพราะไปไม่ทันคนสอน เนื่องจากติดเรียน หลังจากเป็นมวยสากล ก็เลยยืมเสียตังค์ไปเรียน MMA แล้วก็ไปชกมาอีก คราวนี้ชนะ ได้เป็นแชมป์สมัครเล่นปี 2010 ด้วย พอปี 2011 ผมได้ชกอาชีพแล้ว

 
 

ชีวิตโรยด้วยหนามกุหลาบ

ชีวิตผมมันไม่เหมือนนักกีฬาอาชีพ ผมดื้อ ในวัยเดียวกันคนอื่นอาจอยากทำงานหาเงิน ไม่ต้องพึ่งพาพ่อแม่ แต่ผมชัดเจนมาก ผมเลิกขอตังค์พ่อแม่ แต่ให้ท่านหันมาเป็นสปอนเซอร์ผมแทน แต่เรื่องเรียนผมก็บอกท่านชัดเจนว่าจะเรียนให้จบ แต่ผมโชคดีอีกอย่างนึง คือ ผมได้ไปเป็นอาจารย์สอนพิเศษที่ มศว ไปเป็นครูสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติ คือ ชาวเกาหลี ตอนนั้นก็ได้เงิน ได้ประสบการณ์ ผมจะบอกว่ามันคือความฝันผมเลยนะ ครูภาษาไทย พอได้ลองเป็นครูสอนพิเศษแล้ว ผมกลับไม่อยากเป็นครูแล้ว ผมก็นำเป็นข้ออ้างที่จะมาเป็นนักมวยอย่างจริงจัง

เจ้าบู๊ลิ้ม

ความฝันจริงๆ เจ้าบู๊ลิ้มเลย ผมฝันจริงๆ นะ นี่แหละมันคือผมที่สุด เพราะครูอาจไม่ใช่แล้ว หลังจากได้ทดลองสอนภาษาไทยแล้ว ทีนี้ผมก็มาคุยกับพ่อแม่อย่างจริงจัง ถ้าพ่อแม่ไม่เป็นสปอนเซอร์ให้ผม ผมต้องออกไปต่อยมวยอย่างจริงจัง ที่บ้านก็เลยยอมผม โอเคเป็นสปอนเซอร์ให้

 
 

น้ำแสนแสบกระเด็นเข้าหน้า

ผมเป็นคนไทยคนที่ 2 ที่จะได้ไปชก ตอนนี้ทุกคนกังวลมากๆ ที่ผมจะไปต่อย แล้วผมเป็นใคร จะไปต่อยได้เหรอ เรียกว่าสะเทือนวงการ MMA เลยทีเดียว เค้าก็เลยส่งผมไปซ้อมกับค่ายที่ภูเก็ต ผมได้ซ้อมกับโค้ชที่มาจากต่างประเทศ จนถึงวันไปชก วันที่ผมไม่หวังอะไรเลย แต่ลึกๆ ก็หวังเล็กๆ พอขึ้นไปยกแรกก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่พอยกที่ 2 ผมใช้เทคนิคที่โค้ชสอนมา ต่อยคู่ชกร่วงเฉยเลย ผมก็ชนะ ดีใจมากๆ แต่มันมีความดราม่าตามมา ผมกลับมาเมืองไทยได้ 3-4 วัน และกำลังขึ้นเรือแสนแสบ ผมเข้าไปดูเห็นว่าผลการแข่งขันมันเปลี่ยนเป็นโมฆะ ผมนี่แป้วเลย น้ำในคลองกระเด็นเข้าหน้าตอนนั้นเลย เซ็งชีวิตมากๆ

ผมนี่แหละ ผู้เปลี่ยนกติกา MMA

จากการโมฆะครั้งนั้น คือผมต่อยและเตะหัวคู่ชกไป โดยกฎคือกรรมการต้องชี้ให้เตะก่อน แต่ในความเป็นจริง กรรมการตกใจอยู่ จึงลืมพูด เค้าเลยว่าผมผิดกติกา จึงเปลี่ยนผลเป็นโมฆะ แต่แล้วหลังจากการชกของผมในครั้งนั้น เค้าเปลี่ยนกติกาใหม่เลย คือสามารถเตะหัวได้โดยไม่ต้องรอแล้ว ผมนี่เลยดังไปอีก (หัวเราะ)

 
 

แพ้แล้วจึงคิดได้

หลังจากนั้นผมก็ได้ไปชกกับชาวอินโดนีเซีย เค้าก็ชนะ ต่อมาเจอชาวปากีสถาน เค้าก็ชนะ ผมก็โดนด่าเยอะ ตัดผมผิดไปด้วย เลยถูกมองว่าเป็นตัวร้าย แต่มันเปลี่ยนทำให้ผมคิดว่าได้ว่า ชีวิตนักกีฬา มันไม่ใช่แค่ไปซ้อม หรือแค่เทคนิค เพราะแต่ก่อนผมเชื่อกับการซ้อมเทคนิค เหมือนสมัยเล่นยูโด แต่จริงๆ มันต้องมีความแข็งแรง วินัย ผมเลยตัดสินใจ ไปเรียนเป็นเทรนเนอร์อย่างจริงจัง ไปเรียนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาอย่างจริงจัง และมาฝึกตัวเอง ฝึกทีมที่จุฬาฯ และช่วงนั้นตรงกับพี่บัวขาวชกชนะมาพอดี ผมก็เข้าไปคุย เลยได้ไปซ้อมมวไทยกับค่ายบัญชาเมฆ นี่คือความโชคดีบนความพ่ายแพ้ครั้งนั้น

อายุเบญจเพส

เวลาผ่านไป เรียนผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา ได้ฝึกมวยไทยด้วย ก็ได้มารีแมตช์กับคู่ชกคนแรก คราวนี้ผมชนะในเวลา 2 นาที ต่อยหัวและเตะในท่านอนเหมือนเดิม แต่เพิ่มเป็น 2 ที ก็ชนะมาได้ คราวนี้ได้ทำโน้นทำนี่มากขึ้น และมาลงรายละเอียดด้านการสอนมากขึ้น จำได้ว่าอายุ 24 ปี และก็พักไป 1 ปีกว่าๆ เกือบ 2 ปีได้ เพราะมาทำงานสอน กอปรกับเบญจเพส อายุ 25 ปี ผมนี่กลัวเครื่องบินมากๆ เลยไม่อยากไปไหน จริงๆ ผมเป็นคนขี้ตื่นเต้นมากๆ

 
 

ช่วงแอบถาม

แคมปัส : แล้วอย่างนี้ เวลาอยู่บนเวที ครูตองไม่ตื่นเต้นเหรอ
ครูตอง : โหพี่ ตอนนั้นมันล็อกกรง ผมก็ไม่ตื่นเต้นแล้วครับ สมองผมคิดแต่ว่า ไม่อยากโดนต่อย!!

ชกกันอีกครั้ง

ผ่านไป 2 ปี ผมก็ได้มาชกอีกครั้ง ตอนแรกจะได้ชกช่วงเมษายน 2558 แต่ผมบาดเจ็บจากการชก คือตาแดงกับนิ้วเท้าหลุด จึงแคนเซิลไป หลังจากรักษาตัวมาดี เดือนพฤษภาคมผมได้ชกอีกครั้ง กับคู่ต่อสู้ที่สิงคโปร์ ผลการชกคือ ผมมือหักตอนที่ชกอยู่ เพราะรับเตะหลายทีเกินไป ก็เลยเปลี่ยนมาใช้ศอกแทน แล้วก็ชนะคะแนน

 

คนที่อยากเป็นนักสู้

ชีวิตต่อสู้ของผม ผมไม่ได้มองว่า ผมเป็นนักสู้อาชีพเสียทีเดียว เพราะผมเป็นแค่คนๆ หนึ่งที่อยากจะเป็นนักสู้ ทุกอย่างผมก็ทำมันอย่างเต็มที่ แต่ผมทำไปเรื่อยๆ มันเลยเป็นอีกมุม ที่ผมคิดว่า ขนาดผมยังทำได้ และถ้าคนอื่นล่ะ คนที่เค้ามีความตั้งใจ มีความฝันอยากจะต่อยรายการใหญ่ ผมว่าถ้าคุณตั้งใจจริง คุณก็จะทำได้

อยากสู้ต้องลงทุน

พี่ครับผมอยากเป็นนักสู้ อยากต่อยพรุ่งนี้เลย ผมบอก ไม่ได้หรอกน้อง 3 เดือนก็ไม่ได้ 2 ปีก็ไม่ได้ ถ้าน้องไม่ตั้งใจ เพราะผมมองว่า บางอย่างที่มีเป็น Skill (ทักษะ) เป็น ART (ศิลปะ) พวกนี้พรสวรรค์มีส่วน แต่ทักษะมันเหมือนการลงทุน ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะบอกว่า เดือนหน้าผมจะชก คุณติวให้หน่อย มันต้องลงทุน ผมเองลงทุนในด้านนี้มาอย่างจริงจัง ตั้งแต่อายุ 14 ปี ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่า ทำอะไรไร้สาระ นี่ทำอะไรอยู่ ผมเพิ่งมาใช้ด้านนี้มาทำมาหากินได้ตอนอายุ 25 ปี ทั้งหมด 11 ปีมันถึงเป็นอาชีพได้

 

ทุกวันนี้ที่เป็น

ผมมองว่าสิ่งหนึ่งที่ผมอยู่กับมันได้นาน เพราะผมไม่ได้ซีเรียสกับมัน ปี 2011 ผมต่อยได้ 15,000 บาท ซึ่งผมไม่ได้มีปัญหากับมัน เพราะไม่ได้มองว่า มันไม่ได้เป็นเงินหล่อเลี้ยงชีวิต แต่ในวัยที่โตขึ้นอาจกลายเป็นธุรกิจ ตอนนี้ผมสอนอยู่ในชมรมในยิมที่จุฬาฯ คือใครอยากมาลองเล่นก็มาได้ และที่บางกอกไฟต์แล็บที่พระโขนง มีทั้งสอน MMA และมวยสากล แต่จะเน้นแบบใครๆ ก็เล่นได้ หรือผู้ที่อยากออกกำลังกายอย่างจริงจัง

ข้อดีของ MMA

การเรียนศิลปะการต่อสู้ มันดีแน่ๆ 1. สุขภาพ 2. การป้องกันตัว และผมมองว่า MMA มันเป็นรูปแบบการต่อสู้ที่สร้างมาเหมือนการต่อสู้จริงที่สุด มันถึงดูโหด เพราะมันเหมือนสู้กันจริงๆ แต่ในทางกลับกัน มันจะปลอดภัยที่สุด เพราะมันมีกติกา มันคือจุดพอดีของความเหมือนจริงและความปลอดภัย คุณอยากจะสู้กับใครที่เหมือนจริง ไม่ใช่ไปจับคู่ต่อยกันเองข้างถนน MMA เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่หาได้ในตอนนี้ เพราะมันมีความปลอดภัยและมีการควบคุมด้วย นอกจากนั้นในความเป็นจริงของการต่อสู้ เราไม่สามารถพึ่งพาสติได้ เพราะมันมาไม่ทันแน่ๆ แต่คุณจะรู้ว่า เวลามีอะไรเกิดขึ้น ร่างกายต้องเป็นอย่างไร อยู่จุดไหน จับอะไรก่อน แล้วคุณก็นำไปต่อยอดเทคนิคต่างๆ ที่มันลงลึกขึ้นไปอีก

 

ชวนดู MMA

MMA มันเป็นการต่อสู้ที่เรารู้จักกันอยู่แล้ว แต่เราไม่ชินกับมัน เพราะแต่ละคนมีมุมมองต่างๆ ไม่เหมือนกัน ว่ามันเป็นกีฬาป่าเถื่อน มั่ว โหดร้าย แต่ผมว่ามันคือการต่อสู้จริงๆ ที่หลายคนไม่รู้จัก เพราะบนโลกนี้มีการต่อสู้หลากหลายมาก เราต้องลองเปิดใจดูรูปแบบการต่อสู้อื่นๆ แล้วจะเห็นว่า ทักษะการต่อสู้ยังอยู่มากจริงๆ แต่นี่คือการต่อสู้กันในโลกของความจริง

นี่หรือชีวิตครูตอง มันช่างลักกี้จริงๆ พูดคุยกันไป ก็สนุกสนานกันไป แต่ทุกๆ รายละเอียด พี่แคมปัสเห็นอยู่เสมอ นั่นคือ "ความมุ่งมั่น" ของชายที่ชื่อว่า "ครูตอง" หากใครยังไม่รู้จัก MMA ดีพอ ติดตามชมกันได้

 

 
กำลังแสดงหน้าที่ 1 จากทั้งหมด 0 หน้า [หน้าถัดไปคือหน้าที่ 2] 1
 

 
เงื่อนไขแสดงความคิดเห็น
1. ทุกท่านมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระเสรี โดยไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ไม่กล่าวพาดพิง และไม่สร้างความแตกแยก
2. ผู้ดูแลระบบขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใด ๆ ต่อเจ้าของความคิดเห็นนั้น
3. ความคิดเห็นเหล่านี้ ไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมาย และไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับคณะผู้จัดทำเว็บไซต์

ชื่อ :

อีเมล์ :

ความคิดเห็นของคุณ :
                                  

              * ใส่รหัสจากภาพที่เห็นลงในช่องด้านล่าง และใส่คำตอบจากคำถาม เพื่อยืนยันการส่งความเห็น
  และสำลีสีอะไร
    

          ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการแสดงความคิดเห็นโดยสาธารณชน ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าชื่อผู้เขียนที่้เห็นคือชื่อจริง และข้อความที่เห็นเป็นความจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ boyoty999@google.com  เพื่อให้ผู้ดูแลระบบทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้