การพูดภาษาอังกฤษให้คล่องเป็นปัญหาโลกแตกสำหรับนักศึกษาไทยหลายคน เพราะถึงแม้ว่าจะฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กหรือบางคนลงคอร์สเรียนพิเศษในสถาบันดังก็ยังได้แค่งู ๆ ปลา ๆ ไม่คล่องสักทีจนพาลทำให้กลัวและหมดกำลังใจไป โดยหารู้ไม่ว่า ที่จริงแล้วการจะพูดภาษาอังกฤษนั้นง่ายนิดเดียว วันนี้ทาง Life on Campus มีเคล็ดลับดี ๆ 10 ข้อที่จะเปลี่ยนการพูดภาษาอังกฤษให้เป็นสิ่งที่ใครก็ทำได้
1.คิดแบบเจ้าของภาษา
|
กฏสำคัญที่ต้องจำไว้หากอย่างพัฒนาการพูดภาษาอังกฤษ ก็คือ ระบบความคิดต้องเป็นภาษาอังกฤษเหมือนเจ้าของภาษาก่อน ซึ่งการฝึกฝนก็ไม่ยาก อันดับแรกหยุดนิสัยที่ชอบแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย อันดับสอง หัดใช้ดิกชันนารี่อังกฤษแปลอังกฤษแทนแปลอังกฤษเป็นไทย และสุดท้าย พยายามคิดเป็นภาษาอังกฤษเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนและเมื่อไหร่ ยกตัวอย่างเช่น มีนักเรียนคนหนึ่ง เธอเล่าว่าเธอชอบไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ ดังนั้นระหว่างที่เธอเดินเล่น เธอก็เลยอธิบายลักษณะผู้คนที่อยู่รอบตัวเธอเป็นภาษาอังกฤษโดยพยายามใช้ adjective ให้มากที่สุด ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้เป็นวิธีการของตัวเองเมื่อมีเวลาว่าง
|
2.ใครว่าอยู่คนเดียวจะฝึกไม่ได้
แน่นอนว่าการที่จะพูดภาษาอังกฤษให้คล่องได้จำเป็นจะต้องฝึกโต้ตอบกับคนอื่น แล้วถ้าอยู่คนเดียวล่ะ...ก็ไม่ยาก พูดกับตัวเองก็ได้ ทำตามทริปเล็ก ๆ เหล่านี้เลย...
- อ่านหนังสือภาษาอังกฤษเล่มโปรดแบบออกเสียง
- ตั้งหัวข้อขึ้นมาและลองพูดเป็นภาษาอังกฤษ เช่น เรื่องกีฬา เรื่องครอบครัว
- พูดกับตัวเองในกระจก
- ใช้เครื่องมือสื่อสารให้เป็นประโยชน์ โดยการอัดเสียงเวลาที่ตัวเองพูดภาษาอังกฤษ วิธีการนี้จะช่วยให้เราได้ทบทวนหาจุดดีจุดด้อยโทนเสียง การสะกดคำ และสำเนียงของตัวเอง
|
3.คู่หูภาษาอังกฤษ
วิธีการที่ง่ายที่สุดในการพัฒนาภาษาอังกฤษคือการได้สนทนาโต้ตอบกับผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคนนั้นเป็นเจ้าของภาษา ปัจจุบันสามารถหาเพื่อนที่เป็นเจ้าของภาษาได้ง่ายมาก แค่คลิกเข้าไปในอินเทอร์เน็ตไม่กี่นาที แต่อย่างไรก็ตาม น้อง ๆ ก็ต้องระมัดระวังตัวและอย่าเชื่อใจคนในโลกออนไลน์เกินไปนัก ขอยกตัวอย่างเว็บที่น่าสนใจให้ องไปค้นหาเพื่อนแลกเปลี่ยนภาษากัน อย่างเช่น fluentland.com
4.หาหนังสือที่สนใจหรือหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ
การอ่านหนังสือที่เป็นภาษาอังกฤษจะทำให้รู้จักคำศัพท์ใหม่มากขึ้นและพัฒนาระดับภาษา สิ่งสำคัญ คือ เลือกหนังสือที่เหมาะกับตัวเอง แต่ถ้าคิดไม่ออกว่าจะเริ่มอ่านจากตรงไหน ก็ควรหาหนังสือที่ตัวเองสนใจ สำหรับหนังสือพิมพ์ก็เช่นเดียวกัน ไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาภาษาอังกฤษ ยังทำให้รู้เท่าทันเหตุการณ์มากขึ้นและสามารถนำไปเป็นหัวข้อสนทนาได้
|
5. ยกระดับภาษาด้วยความบันเทิง
เริ่มจากเปิดรายการวาไรตี้หรือวีดีโอในยูทูปที่เป็นภาษาอังกฤษและพูดตามคนในรายการแบบประโยคต่อประโยค เลียนแบบให้มากที่สุด ทั้งน้ำเสียง ความเร็วและสำเนียง ถ้าเป็นไปได้ควรอัดเสียงตอนที่ตัวเองพูดไว้ด้วย สิ่งสำคัญคือ พูดต่อไปแม้ว่าจะมีข้อผิดพลาดบ้าง อย่าหยุด
สำหรับคนที่เบื่อการอ่านหนังสือ การเรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่านภาพยนตร์หรือซีรี่ส์ช่วยคุณได้ เพียงแค่เลือกภาพยนตร์ที่มีเสียงและบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่รู้เรื่อง เพราะการดูภาพยนตร์ภาษาอังกฤษไม่จำเป็นต้องรู้คำศัพท์ทุกคำ เราสามารถเดาจากอิริยาบทได้ ซึ่งทำให้เข้าใจเองโดยอัตโนมัติ เราขอแนะนำ ซีรี่ส์ที่โด่งดังอย่างเรื่อง 'Friends' ไว้เป็นไอเดีย เพราะนอกจากจะสามารถฝึกฝนได้แล้วมันยังเป็นซีรีส์ที่คลายเครียดได้ดี
|
6.ลองเขียนด้วยภาษาอังกฤษ
พยายามใช้คำศัพท์และไวยากรณ์ใหม่ ๆ ที่เพิ่งเรียนรู้มาฝึกเขียนทุกวัน อาจจะเป็นเรื่องสั้น ๆ หรือประโยคไม่ต้องยาวมาก เพื่อทำให้เป็นนิสัย
7.เรียนรู้จากเสียงเพลง
การร้องเพลงคลอไปพร้อมกับเพลงที่ชื่นชอบจะช่วยให้คล่องภาษาอังกฤษโดยไม่รู้ตัว ทั้งสำเนียง เสียงสูงต่ำในภาษาอังกฤษ และช่วยให้จดจำคำศัพท์ใหม่ได้ง่ายขึ้น
|
8.วลีและสำนวนก็สำคัญไม่แพ้คำศัพท์
ตามหลักทั่วไป นอกจากต้องรู้จักคำศัพท์ภาษาอังกฤษแล้ว น้อง ๆ ควรเรียนรู้พวกวลีหรือกลุ่มคำด้วย ยกตัวอย่างเช่น ประโยค “How do you feel today?” ที่แปลว่า “วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง” เจ้าของภาษาอาจจะพูดอย่างอื่น เช่น “How’re you doing?” หรือ “What’s up?” ก็ได้ ซึ่งถ้าหากน้อง ๆ นำประโยคเหล่านั้นมาใช้ ก็จะทำให้ดูมีทักษะมากขึ้น
นอกจากนี้สำนวนก็เป็นสิ่งที่ควรรู้อีกเช่นเดียวกัน เท่าที่สังเกตในชีวิตประจำวันก็ใช้สำนวนค่อนข้างบ่อยเหมือนกัน ซึ่งถ้าหากเราไม่รู้เลยก็จะทำให้สื่อสารได้ไม่ครบถ้วน และการเรียนรู้สำนวนภาษาอังกฤษยังช่วยให้นำไปปรับใช้กับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม
|
9. จดจำคำพูดที่ใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวัน
เจ้าของภาษาแท้ ๆ มักจะมีประโยคหรือคำพูดที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน ในแต่ละสถานการณ์ ยกตัวอย่างเช่น การขอบคุณโดยที่ไม่ใช้คำว่า “Thank you” ด้วยประโยคอย่าง “you've made my day” หรือ “That's so kind of you” เป็นต้น การจดจำประโยคเหล่านี้จะทำให้ตัวเองดูเหมือนเป็นคนชาตินั้นเลยแหละ
10.เตรียมพร้อมทุกสถานการณ์และอย่ากลัวความผิดพลาด
จุดประสงค์ของการเรียนภาษาอังกฤษของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกัน บางคนเรียนเพื่อที่จะได้เข้าไปทำงานในบริษัทที่ใช้ภาษาอังกฤษ ในกรณีนี้ก็จะมุ่งเป้าไปที่การฝึกเพื่อสัมภาษณ์ หรือหลายคนอาจจะเรียนเพื่อให้สามารถปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้เวลาไปเรียนต่อต่างประเทศ ก็ต้องฝึกอีกแบบหนึ่ง ดังนั้นน้อง ๆ ก็จะต้องรู้เป้าหมายของตัวเองก่อน เพื่อจะได้รู้ว่าต้องฝึกอย่างไรบ้าง และเมื่อรู้แล้วก็ต้องมีความกล้า หมั่นฝึกฝนถึงแม้จะผิดพลาดบ้างก็ตาม เพราะยิ่งล้มยิ่งทำให้เราเก่งขึ้น
|
