ตายแล้วไปไหน...?
นำเข้าเมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2558 โดย จุฬา ศรีบุตตะ
อ่าน [58583]  

รวม 5 เรื่องพิศวง 'คนระลึกชาติ'คุณเชื่อเรื่อง บาป บุญ คุณ โทษ หรือไม่ หากตายแล้วไปไหน...? .....


 

คุณเชื่อเรื่อง บาป บุญ คุณ โทษ หรือไม่ หากตายแล้วไปไหน...? ในตอนที่แล้ว ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้พูดคุยกับเจ้าของเรื่อง "ข้ามภพ ข้ามชาติ" ของเด็กหญิงอรวรรณ "ระลึกชาติกระหึ่มโซเชียล! เปิดใจผู้เขียน ‘ข้ามภพ ข้ามชาติ’ เรื่องจริงหรืออิงนิยาย?" ซึ่งชี้ชัดแล้วว่า เป็น "นิยาย" ซึ่งแต่งจาก "จินตนาการ" ของผู้แต่งที่เผอิญเจอภาพเก่าหน้าคล้ายลูกศิษย์

ในตอนนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะพาทุกท่านเข้าสู่เรื่องราว "ข้อเท็จจริง" ที่เคยเกิดขึ้น และข่าวของหน้าหนังสือพิมพ์ รวมไปถึงรายการทีวีต่างๆ

ตะลึง! นางเอกดัง ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต กลับชาติมาเกิดเป็นลูกน้องชาย

เมื่อปี 2535 วงการบันเทิงไทยได้พบเจอนางเอกดาวรุ่งดวงใหม่ กับสาวนัยน์ตาเศร้า "ปู-วิชชุดา สวนสุวรรณ" โดยเธอแจ้งเกิดจากละครเรื่อง "อรุณสวัสดิ์" ประกบคู่กับ หนุ่ม-ศรราม เทพพิทักษ์ หลังจากละครออนแอร์ เธอก็ดังเป็นพลุแตก...แค่เพียงปีเดียว ก็ต้องพบกับข่าวช็อกวงการ เมื่อเธอประสบอุบัติเหตุทางถนน เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 7 ม.ค.2536

การจากไปของเธอทำให้วงการบันเทิงสูญเสียบุคลากรคนสำคัญ ในครอบครัว "สวนสุวรรณ" ได้สูญเสียเสาหลัก แต่…ปี 2553 ก็มีการเปิดเผยจากรายการ "ตีสิบ" ทางช่อง 3 ซึ่งเชิญน้องชาย "ปู-วิชชุดา" มาออกรายการ พร้อมกับบอกว่า "ปู" กลับชาติมาเกิด!!

คู่ขวัญละครเรื่อง อรุณสวัสดิ์
ปู วิชชุดา สวนสุวรรณ

"เหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นเมื่อตอนน้อง "น้ำฟ้า" ลูกสาวตอนขวบกว่าๆ ตอนนั้นลูกพอพูดได้ แม่เขาเอารูปให้ดู ชี้ที่พ่อแม่ ลูกก็ตอบได้ จากนั้นก็ชี้ที่รูป "ปู" เขาก็ตอบมาว่า...ปู แม่เขาตกใจโยนกระเป๋าสตางค์ทิ้ง...? นอกจากนี้ เมื่อเห็นรูปของปู เธอก็บอกได้ว่าชื่อปู ทั้งที่ลูกสาวไม่เคยรู้มาก่อนว่าเป็นใคร"

ครอบครัว "สวนสุวรรณ"​ ลองทดสอบอีกหลายครั้งก็ต้องเจอเรื่องอัศจรรย์ใจ แต่แล้วมีอยู่วันหนึ่ง ที่ทั้งครอบครัวขับรถผ่านไปยัง "จุดเกิดเหตุ" ที่ทำให้เธอเสียชีวิตใกล้สุวรรณภูมิ ปรากฏว่า "น้องน้ำฟ้า" มีอาการแปลกๆ ร้องไห้ โผเข้ากอดแม่แน่น ด้วยความแปลกใจจึงลองขับผ่านมาจุดเดิมอีกครั้ง คราวนี้ "น้ำฟ้า" ร้องไห้อีก พูดว่า "เจ็บๆๆ กลัวๆๆ ชนๆๆ"

อย่างไรก็ดี ปู-วิชชุดา ได้ประสบอุบัติเหตุมาแล้ว 15 ปี ถึงกลับชาติมาเกิด เป็นลูกของน้องชายตัวเอง...คุณเชื่อเรื่องนี้มั้ย..!?!

น้องน้ำฟ้า เมื่อครั้งออกรายการ ตีสิบ
เด็กหญิง 7 ขวบ ระลึกชาติ เปรียญ 7 ประโยค "ลองของ" โดนตอกกลับ

ช่วงปี 2521 หนังสือพิมพ์หัวสีฉบับหนึ่ง ได้เผยเรื่องราวลึกลับเกี่ยวกับการ "ระลึกชาติ" และมีการค้นพบ ด.ญ.รัตนา วงศ์สมบัติ ที่บอกว่าตนเองคือ นางกิมลั้น ประยูรศุภนิมิตร มารดาของอดีตกรรมการผู้จัดการแบงก์ตราดอกบัว สาขาศรีราชา

ผู้เกี่ยวข้องบอกว่า "นางกิมลั้น ตายเมื่อปี 2505 และ ด.ญ.รัตนาเกิด เมื่อปี 2507 โดยเธอมีลักษณะคล้ายกันมาก กระทั่ง ดร.เอียน สตีเวนสัน ที่สนใจเรื่องคนระลึกชาติได้เดินทางมาพิสูจน์ เช่นเดียวกัน ท.เลียงพิบูลย์ นักประพันธ์ชื่อดังเจ้าของเรื่อง "กฎแห่งกรรม" ก็เดินทางมาติดตามรายละเอียด

สิ่งที่ทำให้ชาวบ้านฮือฮา คือ ด.ญ.รัตนา จำที่ฝังกระดูกป่นของตัวเอง (นางกิมลั้น)ได้ และได้ดำเนินการไม่ถูกต้องตามพินัยกรรม เรื่องนี้ทำเอาญาติของนางกิมลั้นถึงกับ งง และเป็นจริงอย่างที่ ด.ญ.รัตนา บอกทุกอย่าง!

จากการสืบค้น ยังทราบต่อมาว่า ด.ญ.รัตนา เริ่มพูดในเรื่องแปลกๆ จนชาวบ้านตกใจ เมื่อตอนเธอ 5 ขวบ เมื่อเธอได้ไปวัดมหาธาตุยุวราษฎร์รังสฤษดิ์ (ข้างสนามหลวง) ด.ญ.รัตนา ได้เข้าทักทายแม่ชีคนหนึ่งที่เคยสนิทด้วยเมื่อชาติก่อน เมื่อมีการสอบถามจึงได้มีการ "ลองของ" กันขึ้น

วิชชุดา ในชุด นักศึกษา ม.บูรพา
หนุ่มศรราม พระเอกคู่ขวัญกับปู ไปร่วมงานศพ

ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่ง นามว่า "ท่านรอง" เรียนจบเปรียญ 7 ประโยค ได้ขอ พระพิมลธรรม หรือ ชาวบ้านเรียกว่า "เจ้าคุณใหญ่" ไปเชิญพ่อของ ด.ญ.รัตนา พาเธอมาด้วย และซักไซ้

ด.ญ.รัตนา วัย 5 ขวบ ถูกท่านรอง ซักถาม โดยให้เล่าเรื่องชาติที่แล้วอย่างละเอียด เด็กหญิง 5 ขวบก็เล่าตั้งแต่ต้นจนจบ โดยไม่มีผู้ใดมาเสี้ยมสอน ท่านรองจึงถามต่อว่า "การตายไปแล้วไปไหน...?"

"ตายของผู้อื่นเป็นอย่างไรไม่ทราบ แต่ของเรา เมื่อชาติก่อนเป็น นางกิมลั้น มีเทวดาเอารถมารับแล้วแล่นช้าๆ ขึ้นที่สูงไปยังดาวดึงส์ เพื่อดูบ้านของพ่อและของตัวเองอยู่บนนั้น" ท่านรองค้านทันควันว่าบนดาวดึงส์มีบ้านคนหรือ...

ด.ญ.รัตนาตอบอย่างโกรธๆ "บ้านคนบนนั้นเขาเรียก "วิมาน" เราอยู่บ้านหรือวิมานเพียงคนเดียว หลังจากนั้นไม่นานตรงกับวันพระใหญ่ (วันขึ้น หรือ แรม 15 ค่ำ) พระอินทร์ก็พาไปไหว้พระธาตุ" ถึงตอนนี้ท่านรองถามว่า "พระธาตุคืออะไร"... เด็กหญิงรัตนาเอามือดึงเส้นผมที่ศีรษะแล้วบอกว่า "นี่ไง" เขาเรียกว่า "พระเกตุจุฬา" ทำเอาท่านรองถึงกับนิ่งอึ้งไป กับคำตอบของเด็ก 5 ขวบเท่านั้น

"แล้วเกิดมาเป็นเด็กหญิงรัตนาได้ยังไง" ท่านรองยังไม่ยอมแพ้คงถามต่อไป
"ขึ้นคอช้างมา"
"บนดาวดึงส์มีหญ้าให้ช้างหรือม้ากินหรือ"
"ข้างบนเขากินบุญ ไม่ได้กินหญ้าอย่างโลกข้างล่าง คนข้างบนเขากินบุญกันถึงได้ไม่ลำบาก"เด็กหญิงรัตนา ตอบอย่างทันควัน

ถึงตอนนี้ พระพิมลธรรม ที่นั่งฟังการซักถามถึงกับหัวเราะชอบใจแล้วพูดเปรยๆ ว่า "เป็นยังไงเปรียญ 7 ประโยค ถูกเด็กตอกซะหน้าหงายเชียวนะ" จากนั้นท่านรองท่านนี้ก็ไม่กล้าถามต่อ...

ผู้คนจำนวนมากมาร่วมงานศพ โดยมี นุสบา ปุณณกันต์ และ โดโด้ ยุทธพิชัย ชาญเลขา
มหาชนแห่ร่วมงานศพของเธอ
เมียตะลึง! ผัวถูกโจรยิงตาย เกิดใหม่ในร่างเด็กชาย 10 ขวบ

จากนั้นไม่กี่วัน ก็มีการเปิดเผย "คนระลึกชาติ" อีกกรณี หลังจาก นสพ.ไทยรัฐไปพบ "ด.ช.ชนัย ชูมาลัยวงศ์" อายุ 10 ขวบ ซึ่งเป็นบุตรของนายเบิ้ม และ นางสมคิด ชาวบ้าน อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร พ่ออาชีพช่างตัดผม ส่วนภรรยาเป็นแม่บ้านได้ย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองกรุง ทุกวันนี้อาศัยอยู่กับ นางพรหม เมนทอง ผู้เป็นยาย ที่ จ.พิจิตร

เรื่องมีอยู่ว่า...นางพรหม ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวไทยรัฐ ว่า ด.ช.ชนัย "ระลึกชาติ" ได้ โดยบอกว่าชาติก่อนมีอาชีพเป็นครู ชื่อ "บัวไข ห่อนาค" สอนอยู่ที่โรงเรียนท่าปอ ต.บางหว้า อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร พร้อมกับเล่าเรื่องตัวเองว่า มีพ่อชื่อนายเขียน แม่ชื่อนางยอง ตัวเองมีเมียชื่อ นางสวน มีลูกกับนางสวน 5 คน พร้อมกับไล่เรียงชื่อลูกทั้ง 5 คน

เด็กชายระลึกชาติ ยังบอกว่า ตัวเองถูกโจรยิงตาย ขณะขับรถจักรยานยนต์กลับจากการสอนหนังสือ กระสุนเข้าท้ายทอยทะลุหน้าผาก ยังมีแผลติดตัวมาชาติปัจจุบัน เมื่อเล่าให้ญาติในชาติปัจจุบันก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จึงต้องพิสูจน์ เพราะ ด.ช.ชนัย พยายามหนีออกจากบ้านเพื่อมาหาลูกเมียในชาติก่อน

เมื่อลูกเมียในชาติก่อนเจอ ด.ช.ชนัย และได้พูดคุยกัน ทุกคนต่างตกตะลึง เพราะ ด.ช.ชนัย ถามหา "ของมีค่า" ของครูบัวไข ว่ายังอยู่ดีหรือไม่ ซึ่งของมีค่าของครูบัวไข คือปืน 2 กระบอกพร้อมกับบอกที่ซ่อนว่าอยู่ตรงไหน นอกจากนี้ เมื่อเจอหน้าเพื่อนเก่าที่เป็นตำรวจ ก็ยังทักทายกัน ราวกับว่าเป็นเพื่อนกัน ซึ่งตอนนั้น ด.ช.ชนัย อายุเพียง 3 ขวบเท่านั้น

น้องจิ๋ว กับเรื่องราวระลึกชาติ
อ้างเวียนว่ายตายเกิดนับ 10 ครั้ง ตั้งแต่สมัยสุโขทัย

อีกเหตุการณ์ประหลาดคือ เมื่อวันที่ 8 พ.ค.2546 ผู้สื่อข่าวได้พบบ้านประหลาดแห่งเขาสอยดาว ที่บ้านตามูล หมู่ 1 ต.ทรายขาว อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นบ้านของนายทองใบ คำสี อายุ 64 ปี ได้ปลูกต้นโพธิ์ไว้ในที่ดินของตนเอง 27 ไร่ ถึง 98 ต้น สาเหตุเพราะ ด.ช.สุทัศน์ คำสี หรือ "น้องปลาบู่" ลูกชายที่ตายไปตั้งแต่วัย 6 ขวบด้วยโรคอ่อนเพลียสิ้นเรี่ยวแรง ปี 2517 ได้สั่งเสียไว้ก่อนตายว่าให้ปลูกไว้ หากกลับมาเกิดจะได้มาบ้านถูก?

พ่อของน้องปลาบู่ เล่าว่า ลูกชายมักพูดเรื่องแปลกๆ เช่น เรื่องราวประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และคำทำนาย เช่น จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 นอกจากนี้ ยังบอกว่า ได้เวียนว่ายตายเกิดแล้วหลายครั้ง ในยุคสุโขทัยและอยุธยา 4 ชาติ สมัยกรุงธนบุรี 1 ชาติ รัตนโกสินทร์ 3 ชาติ และสมัยรัชกาลที่ 1, 3 และ 8 ซึ่งแต่ละชาติได้มีส่วนในการสร้างเมือง เช่น วัดสุทัศนเทพวรารามฯ สร้างหอดูดาว ที่สำหรับเล่นว่าวในพระราชวังบางปะอิน ซึ่งภายหลังได้ไปดูก็พบว่าเป็นจริงตามที่ลูกบอก ทั้งที่ไม่เคยพาลูกไปไหนมาก่อน

แปลก ไม่เคยเรียน แต่กลับเขียนได้
ด.ญ.ใบ้ หูฟังได้ยิน อ้างเคยเป็นคนรับใช้เจ้าแม่กวนอิม เขียน "จีน" ได้

เรื่องสุดท้ายที่ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ คัดสรรมาคือ เคสของ น้องจิ๋ว หรือ ด.ญ.ทิพย์วรรณ อรุณศิริ อายุ 13 ปี เรื่องนี้ถูกเปิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ก.ค.41 ชาวบ้าน จ.อุทัยธานี แจ้งว่าพบเด็กหญิงพิสดารเป็นใบ้ แต่หูฟังรู้เรื่อง จบแค่ ป.2 แต่เขียนภาษาจีนได้ปร๋อ

เมื่อผู้สื่อข่าวไปที่บ้านเด็กหญิงก็ออกมาต้อนรับด้วยความยินดี พร้อมกับแสดงท่าทางและแนะนำตัวเป็นภาษาใบ้ "น้องจิ๋ว" เล่าเบื้องบูรพ์แต่ชาติปางก่อนว่าเป็นคนรับใช้ของเจ้าแม่กวนอิม แต่ถูกสาปโดยไม่บอกว่าทำผิดอะไร จากนั้นก็ลงมาเกิดเป็นมนุษย์

น้องจิ๋ว เขียนภาษาจีนโชว์

น้องจิ๋ว นำสมุดปกอ่อน ที่เขียนภาษาจีนไว้มาให้ดู ซึ่งภายในสมุดมีรูปวาดด้วยดินสอ เป็นรูปเจ้าแม่กวนอิมในอิริยาบถต่างๆ และวาดรูปใหม่ให้ดูภายใน 30 นาที

พ่อแม่น้องจิ๋ว เล่าว่า น้องจิ๋วเรียนได้ถึงชั้น ป.2 จากนั้นก็เลิกเรียนเพราะมีปัญหาเป็นใบ้ จากนั้นก็ไม่ได้พาไปเรียนที่ไหน แต่กลับเขียนภาษาจีนได้ สิ่ง "แปลกประหลาด" ที่พ่อแม่สังเกตได้คือ น้องจิ๋ว ไม่ยอมให้พ่อแม่กอด หอมแก้ม วันหนึ่งได้พาไปเที่ยว ได้พบรูปภาพเจ้าแม่กวนอิม จึงรบเร้าให้พ่อแม่ซื้อมา จากนั้นก็กลับมาวาดรูปไว้เป็นเล่มๆ อีกทั้งช่วงปีใหม่ จู่ๆ ก็ส่งกระดาษให้กับตายาย โดยเขียนสวัสดีปีใหม่เป็นภาษาจีน จึงรู้สึกว่า น้องจิ๋ว ไม่ใช่ลูกธรรมดาของพ่อแม่เสียแล้ว

พิสูจน์ข้อความที่เขียน

เมื่อตรวจสอบ พบว่าภาษาที่น้องจิ๋วเขียน เป็นภาษาแต้จิ๋ว โดยมีเรื่องราวของเทพยดาบนสววรค์ตามตำนานจีน ซึ่งเรื่องนี้ นายสมบูรณ์ แก้วจงประสิทธิ์ อายุ 73 ปี หรือ "เจ็งถ่วนเลี้ยก" ชาวจีนที่อยู่เมืองไทยมานาน บอกว่า การกลับมาเกิดใหม่ มี 2 ลักษณะ คือ 1. กลับไม่เกิดโดยไม่รับรู้อะไร กับ 2. รับรู้เรื่องอดีตชาติ แต่จำมาไม่หมด จำได้ไม่นานก็เลือนหายไป

การระลึกชาติ จะเป็นอย่างที่ เจ็งถ่วนเลี้ยก กล่าวจริงหรือไม่ ในตอนหน้า ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะเปิดมุมมองวิทยาศาสตร์ และความเชื่อ เนื่องจากได้มีการพิสูจน์กันมาแล้วหลายครั้งจะเป็นเช่นไร อย่าลืมติดตาม...

 

เปิดพระไตรปิฎก-ถกหลักวิทย์ฯ ไขเหตุ 'ระลึกชาติ' มีจริงหรือแค่มโน?

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 16 ก.ย. 2558 05:30
1,274 ครั้ง


 


 

หลังจากที่ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ได้พูดคุยกับครูก้อง เจ้าของบทประพันธ์เรื่อง ข้ามภพ ข้ามชาติ โดยมองเห็นว่าใบหน้าลูกศิษย์ตัวเองบังเอิญคล้ายกับรูปถ่ายของเด็กหญิงชาวสงขลาเมื่อปี 2470 รวมทั้งต้องการสร้างนิสัยรักการอ่านให้กับเด็กๆ จึงจินตนาการจนก่อเกิดเป็นเรื่องราวเหล่านี้ขึ้นมา ระลึกชาติกระหึ่มโซเชียล! เปิดใจผู้เขียน ‘ข้ามภพ ข้ามชาติ’ เรื่องจริงหรืออิงนิยาย? ก่อนที่จะย้อนวันวานเรื่องระลึกชาติที่เคยเกิดขึ้นตามข่าวต่างๆ มาแล้ว ตายแล้วไปไหน...? รวม 5 เรื่องพิศวง 'คนระลึกชาติ'

วันนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ขอนำเสนอมุมมองของหลักพุทธศาสนาและหลักวิทยาศาสตร์ ว่าแท้จริงแล้วระลึกชาติมีจริงหรือไม่ ?

PART 1

'การระลึกชาติ' ตามหลักพุทธ มีจริงหรือไม่..!?

พระอาจารย์สมพงษ์ รตนวํโส โมฆรัตน์ พระนักเทศก์ทีมงานธรรมะเดลิเวอรี่ อธิบายเรื่องการระลึกชาติกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ว่า ระลึกชาติ เป็นความวิเศษของจิตอย่างหนึ่ง สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยญาณของผู้ปฏิบัติธรรม ซึ่งมนุษย์ทุกคนสามารถระลึกชาติได้ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน สามารถนึกย้อนเรื่องราวไปกี่ภพกี่ชาติก็ได้ ขึ้นอยู่กับภาวะจิตที่นิ่ง ทั้งนี้ ญาณวิเศษที่พระพุทธเจ้าใช้บรรลุการรระลึกชาติได้ คือ บุพเพนิวาสานฺสติญาณ เป็นญาณขั้นต้น อย่างไรก็ตาม ญาณวิเศษนี้ เป็นเพียงหนทางย้อนไปสู่เรื่องราวในภพก่อน แต่ไม่ได้บ่งบอกว่า หมดกิเลส หรือบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์

พระอาจารย์สมพงษ์ รตนวํโส โมฆรัตน์ พระนักเทศก์ทีมงานธรรมะเดลิเวอรี่

“ตามความเชื่อดั้งเดิม พระอาจารย์เชื่อว่าการระลึกชาติเกิดขึ้นได้จริง เนื่องจากในอดีตพระอาจารย์เคยได้ยินได้อ่านเรื่องราวเหล่านี้มาตั้งแต่เด็ก เรื่องแรกคือ เรื่องราวของพันตำรวจตายแล้วฟื้น และเคยได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าสามารถระลึกชาติได้ ซึ่งสมัยที่พระอาจารย์ยังเด็กก็สงสัยว่า การระลึกชาติ เกิดจากอะไร แต่เมื่อได้บวชเรียนจึงรู้ว่าเป็นความสามารถของจิตที่สามารถย้อนระลึกถึงอดีตที่ผ่านมาได้ สามารถย้อนกลับไปได้ถึงชาติก่อนหรือภพก่อนๆ ฉะนั้น ถ้ามนุษย์นั่งสมาธิได้ถึงขั้นนี้ จะเรียกว่า ภาวะจิตสงบ” พระอาจารย์สมพงษ์ กล่าว

ตามหลักพุทธ! การระลึกชาติเป็นแบบไหน ตายแล้วฟื้น ใช่ระลึกชาติหรือไม่..!?

พระอาจารย์สมพงษ์ กล่าวต่อว่า การระลึกชาติ คือ การที่บุคคลนั้นมีความสามารถของจิตในการรับรู้ได้ว่า ชาติปางก่อนเป็นใคร มาจากไหน ทำอะไรบ้าง เช่น ภพก่อนเคยทำร้ายสัตว์ ชาตินี้เราก็จะรับรู้ถึงพฤติกรรมเหล่านั้นได้ ซึ่งการระลึกชาติในทางพระพุทธศาสนา จะต้องเกิดจากการมีภาวะจิตที่แน่วแน่เท่านั้น

ปู วิชชุดา กลับชาติมาเกิด เป็นลูกของน้องชายตัวเองจริงหรือ?

สำหรับมนุษย์บางคนที่ตายแล้วฟื้น เมื่อใช้ชีวิตในสถานที่ที่เคยอยู่ เคยสัมผัสมาก่อน เขาจะรู้สึกว่าสามารถจดจำเรื่องราวเหล่านี้ได้หมด จดจำได้ทั้งสถานที่และบุคคลที่เคยรู้จัก กรณีเช่นนี้ในทางพระพุทธศาสนาไม่ยืนยันว่าเป็นการระลึกชาติได้ แต่อาจเป็นความเชื่อมากกว่า

ญาณวิเศษขั้นแรกที่พระพุทธเจ้าได้จากการนั่งสมาธิ ในวันเพ็ญเดือน 6 คือ บุพเพนิวาสานฺสติญาณ หรือการระลึกชาติวังหลัง โดยญาณวิเศษ มี 3 ขั้น ได้แก่ บุพเพนิวาสานฺสติญาณ จุตูปปาตญาณ และอาสวักขยญาณ ซึ่งเป็นญาณขั้นสูงที่ทำให้จิตใจหมดกิเลส

ภาพของเด็กหญิงชาวใต้ เมื่อปี 2470

ทั้งนี้ พระพุทธเจ้า ทรงตรัสไม่ให้มนุษย์ลุ่มหลงกับญาณวิเศษเพียงอย่างเดียว เนื่องจากจะกลายเป็นความหลง เช่น เมื่อมนุษย์นั่งสมาธิที่ภาวะจิตสงบก็มักจะหลงว่า บรรลุธรรมหรือตนเองวิเศษ หรือมีญาณทิพย์ เป็นต้น ซึ่งแท้จริงแล้ว เป็นเพียงความสามารถของจิตที่สามารถนึกคิดเรื่องเก่าได้ เช่น เมื่อวานทำอะไรบ้าง เราก็จะจดจำได้ทั้งหมด แต่เมื่อนึกย้อนไปอีกหลายๆ วัน ความทรงจำเหล่านั้นก็จะค่อยๆ เลือน ราง ซึ่งภาวะจิตลักษณะนี้มนุษย์สามารถนึกคิดได้ทุกคน เนื่องจากเป็นความทรงจำระยะสั้น ไม่ถือเป็นการระลึกชาติ

ในปัจจุบันพระหลายท่านก็สามารถระลึกชาติได้ แต่ด้วยวินัยของพระ จะห้ามไม่ให้พระอวดตัวเอง ทำให้ไม่มีพระท่านใดที่เล่าเรื่องการระลึกชาติให้ญาติโยมฟังว่า มีญาณวิเศษที่สามารถระลึกชาติได้ เนื่องจากจะทำให้ญาติโยมไม่เลื่อมใสและศรัทธาในตัวท่าน รวมถึงการระลึกชาติไม่ใช่ทางแห่งการพ้นทุกข์

ภาพของเด็กหญิงยุคปัจจุบันที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกับเด็กในภาพเมื่อปี 2470
ระลึกชาติ! บางคนย้อนได้ บางคนย้อนไม่ได้ ขึ้นอยู่กับ..!?

พระอาจารย์สมพงษ์ เปิดเผยว่า การระลึกชาติตามหลักพระพุทธศาสนา ขึ้นอยู่กับภาวะจิตจากการทำสมาธิ โดยหลักการทำสมาธิ มี 3 ระดับ ได้แก่ 1.ขณิกสมาธิ คือ สมาธิชั่วครู่ ชั่วขณะหนึ่ง เป็นสมาธิขั้นต้นที่บุคคลทั่วไปใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ในการงานประจำวัน 2.อุปจารสมาธิ คือ สมาธิที่ตั้งได้นานสักระยะ ใกล้ที่จะได้ฌาน เกิดนิมิตต่างๆ เช่น เห็นแสงสว่างอยู่ระยะหนึ่ง 3.อัปปนาสมาธิ คือ สมาธิแน่วแน่ถึงฌาน เป็นการทำสมาธิขั้นสูงสุด ดังนั้น ถ้าเรานั่งสมาธิบ่อยๆ มีภาวะจิตนิ่งก็สามารถระลึกชาติได้ แต่บางคนอาจจะได้ความสามารถในการมีตาทิพย์หรือหูทิพย์แทน เช่น อาจมองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น หรือได้ยินในสิ่งที่คนอื่นไม่ได้ยิน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความสามารถของจิตของแต่ละบุคคล

การระลึกชาติ คือ การที่บุคคลนั้นมีความสามารถของจิตในการรับรู้ได้ว่า ชาติปางก่อนเป็นใคร มาจากไหน ทำอะไรบ้าง

นอกจากนี้ มนุษย์บางคนสามารถระลึกชาติได้ ขณะที่จิตสงบ แต่บางคนสามารถระลึกชาติได้ เพราะต้องการใช้ความสงบแห่งจิตระลึกสู่ภพชาติก่อน อย่างไรก็ดี การระลึกชาติ ไม่สามารถระลึกย้อนเรื่องราวได้ทั้งหมด ระลึกได้เพียงเหตุการณ์บางช่วงบางตอนที่เป็นเหตุการณ์เด่นชัด ดังนั้น การที่คนเราสามารถระลึกชาติได้ จะต้องมีสมาธิเป็นพื้นฐานเท่านั้น

ยกเว้นกรณีพิเศษคือ เป็นบุคคลที่มีความสามารถทางจิตมาตั้งแต่ดั้งเดิม โดยไม่ต้องฝึกสมาธิ ซึ่งบุคคลที่มีความสามารถในการนึกคิดย้อนหลังได้ บุคคลเหล่านี้จะใช้พลังค่อนข้างมากสำหรับการนึกย้อนเรื่องราวในอดีต ซึ่งมักจะมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง บางคนถึงขั้นป่วย ไม่สบาย หรือไข้อย่างรุนแรง ซึ่งปัจจุบันมีเด็กที่สามารถระลึกชาติได้ตั้งแต่เกิด ซึ่งเป็นความโชคร้ายมากกว่าความโชคดี เนื่องจากการระลึกชาติไม่ได้เกิดผลดีกับเด็ก แทนที่จะอยู่กับโลกปัจจุบัน กลับต้องอยู่กับโลกในอดีตเป็นส่วนใหญ่

การระลึกชาติตามหลักพระพุทธศาสนา ขึ้นอยู่กับภาวะจิตจากการทำสมาธิ
'บุพเพนิวาสานฺสติญาณ' ความวิเศษของจิตย้อนระลึกชาติได้

พระอาจาย์สมพงษ์ กล่าวอีกว่า การระลึกชาติ เป็นหลักคำสอนที่ถูกบัญญัติอยู่ในหลักทางพระพุทธศาสนาที่เรียกว่า บุพเพนิวาสานฺสติญาณ เป็นความวิเศษของจิตอย่างหนึ่ง จิตที่ผ่านการฝึกฝน ได้แก่ จิตที่นิ่ง สงบ ร่มเย็น ผ่องใส และสามารถควบคุมตัวเองได้ ซึ่งผลจากการนั่งสมาธิ จะทำให้สามารถระลึกชาติได้มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับความนิ่งของภาวะจิต ซึ่งคนที่มีพลังของจิตมาก จะเรียกว่ามีความวิเศษมากกว่าคนอื่นๆ ซึ่งความสามารถทั้งหมดเกิดจากการฝึกฝนของจิตทั้งสิ้น ทั้งนี้ ผลดีของการระลึกชาติคือ เป็นเครื่องเตือนใจให้มนุษย์ระลึกได้ว่า ความสุขสบายในปัจจุบัน ล้วนเป็นผลมาจากความดีในภพชาติก่อน ดังนั้น การระลึกชาติจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อใช้ให้เกิดประโยชน์

“สำหรับบางคนที่ไม่เชื่อเรื่องของการระลึกชาติ เนื่องจากบุคคลเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในภาวะจิตเดียวกัน จะไม่มีทางเข้าใจหรือรับรู้ได้ เช่นเดียวกับคนที่ไม่เคยเห็นผี ก็มักจะไม่เชื่อและยากที่จะเชื่อเรื่องเหล่านี้ ดังนั้น ถ้าคนที่ไม่ได้อยู่ในภาวะจิตที่สามารถระลึกชาติได้ บุคคลเหล่านี้ก็จะไม่เชื่อด้วยประการทั้งปวง ยกเว้นบางคนที่เรียนมา จะมีความเชื่อตามที่เรียน แต่ก็ไม่สามารถอธิบายให้คนที่ไม่เชื่อเห็นภาพได้” พระอาจารย์สมพงษ์ รตนวํโส ระบุ

มนุษย์ทุกคนสามารถระลึกชาติได้ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน

นอกจากนี้ การปฏิบัติธรรมของผู้ปฏิบัติธรรม มี 2 สาย ได้แก่ วิปัสสนากรรมฐาน คือ การรู้แจ้ง รู้ทันอารมณ์ พ้นทุกข์ หมดกิเลส และสมถกัมมัฏฐาน คือ ความสมถะแห่งจิต ซึ่งเมื่อผู้ปฏิบัติธรรมสามารถทำสมถกัมมัฏฐานได้ดี ผู้นั้นจะเป็นผู้ที่มีความวิเศษทางจิต สามารถระลึกชาติได้

อย่างไรก็ตาม การที่มนุษย์จะสามารถหยุดการเวียนว่ายตายเกิดได้นั้น จะต้องพ้นทุกข์ หมดกิเลส เนื่องจากจุดมุ่งหมายสูงสุดของศาสนาพุทธคือ การหมดกิเลสและอาสวะ ซึ่งไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าตนเองจะหมดเมื่อไร ดังนั้น สิ่งที่มนุษย์พึงกระทำได้ดีที่สุดคือ หมั่นทำความดีเท่าที่จะทำได้ โดยการยึดหลักทาน ศีล และภาวนา

PART 2

หลักวิทย์ พบ ระลึกชาติมี 2 ประเด็น คือ ไม่จริง กับ น่าสนใจ!

จากนั้น ทีมข่าวฯ จึงสอบถามในมุมมองของวิทยาศาสตร์บ้าง โดย รศ.ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกุล ผู้คร่ำหวอดในวงการวิทยาศาสตร์ เปิดเผยถึงแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ที่มีต่อเรื่องการระลึกชาติว่า ตามหลักเบื้องต้นทางวิทยาศาสตร์จะไม่ปฏิเสธอะไรก่อนในทันทีทันใด ไม่ว่าสิ่งนั้นจะแปลกอย่างไรก็ตาม ส่วนเรื่องระลึกชาติก็เป็นประเด็นหนึ่งที่วิทยาศาสตร์สนใจมานาน และมีการศึกษาวิจัยกันมาเยอะ เรื่องระลึกชาติจะพบว่ามี 2 ประเด็น คือ 1.ประเด็นที่เป็นข่าวกับที่เป็นจริงไม่ตรงกัน บางครั้งสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริงไม่มีอะไรมาก ในประเทศไทยน่าจะมีประมาณ 300-400 เรื่อง ที่ออกข่าวหรือเป็นที่พูดถึงกันในสังคม แต่เมื่อออกมาเป็นข่าวจึงกลายเป็นเรื่องราวที่มีการขยายความกันมาก และเมื่อติดตามไปเรื่อยๆ ก็พบว่า เรื่องระลึกชาติจำนวนมากสามารถอธิบายตามหลักทางวิทยาศาสตร์ได้ และไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของการระลึกชาติ

รศ.ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกุล ผู้คร่ำหวอดในวงการวิทยาศาสตร์

ส่วนประเด็นที่ 2.ประเด็นที่มีจำนวนน้อยแต่มีความน่าสนใจ ไม่มีการจัดฉาก ไม่ใช่การประมวลหรือจับเรื่องราวต่างๆ เพื่อนำไปสู่เป้าหมาย อย่างเช่น เด็กที่ระลึกชาติได้บางกรณีในทิเบตหรือในอินเดีย และรวมทั้งในประเทศไทยด้วย ปรากฏว่ามีความน่าสนใจ ซึ่งแม้แต่องค์พระดาไลลามะยังสนใจ และท่านเองก็เป็นนักวิทยาศาสตร์ด้วย ทำให้ท่านมองเรื่องวิทยาศาสตร์และพุทธศาสนาด้วยใจที่เปิดกว้างและคิดอย่างเป็นระบบ ท่านก็ได้พูดถึงเรื่องเหล่านี้เช่นกันและได้สรุปไปในแนวทางเดียวกับวิทยาศาสตร์ คือ สามารถอธิบายได้เป็นส่วนใหญ่

หลักวิทยาศาสตร์ 90% ระบุ อาจจะไม่มีชาติภพ!

นักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง อธิบายต่อว่า เรื่องของการระลึกชาติ ในแง่ของวิทยาศาสตร์จะศึกษาได้ก็ต้องหาวิธีการว่าอะไรเป็นสื่อ เพราะฉะนั้น สิ่งที่จะเป็นตัวศึกษาอย่างเป็นระบบและชัดเจน คือ วิญญาณ การเกิด กำเนิดของชีวิต ซึ่งตรงนี้ทางวิทยาศาสตร์ค่อนข้างที่จะบอกชัดเจนว่าชีวิตเกิดได้แบบไหนอย่างไรบ้าง แต่ทางพุทธศาสนาจากพระไตรปิฎกที่ยึดถือกันมานานว่า ในทางพุทธศาสนาแล้วกำเนิดของชีวิตมีได้ 4 อย่าง ได้แก่ 1.กำเนิดจากครรภ์ของมนุษย์ 2.กำเนิดจากไข่ เช่น นก งู 3.กำเนิดจากความชื้น จากสิ่งที่เป็นสิ่งโสโครก เช่น หนอน และ 4.กำเนิดแบบโอปปาติกะเป็นการกำเนิดแบบทันทีทันใด ไม่ใช่มาจากการปฏิสนธิ ไม่ใช่จากไข่ แต่โอปปาติกะต้องอาศัยสื่อซึ่งน่าสนใจมากเป็นพิเศษคือวิญญาณ

ระลึกชาติได้ว่า ส่วนใหญ่จะมีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด

“วิทยาศาสตร์กับพุทธศาสนาในเรื่องของการกำเนิดที่จะไปโยงเรื่องระลึกชาตินั้น มีส่วนที่ขัดแย้งกัน นั่นคือ ทางวิทยาศาสตร์มีแนวโน้มที่สูงมากถึง 90% ว่าอาจจะไม่มีชาติภพ เพราะว่า วิทยาศาสตร์นั้น จะต้องหาสิ่งที่ศึกษาได้ แน่นอนก็ศึกษาหมดทั้งในเรื่องของผีอะไรต่างๆ ส่วนใหญ่ก็ยังมีคำอธิบายได้ แต่ก็ยังมีส่วนที่ยังอธิบายไม่ได้”

วิทยาศาสตร์ใช้ ‘วิญญาณ’ เป็นสื่อเพื่อศึกษาเรื่องระลึกชาติ

รศ.ดร.ชัยวัฒน์ อธิบายต่อว่า สิ่งที่จะศึกษาเรื่องการระลึกชาติได้อย่างชัดเจน ก็คือ เรื่องของวิญญาณ เพราะว่าวิญญาณเป็นสื่อหลักในการให้กำเนิดชีวิตแบบโอปปาติกะขึ้นมา และน่าจะเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงได้มากที่สุดในเรื่องของการระลึกชาติ จึงเป็นที่มาให้วิทยาศาสตร์ศึกษาว่าวิญญาณมีจริงหรือไม่ ซึ่งในอดีตนั้นได้เปิดกว้างว่าวิญญาณนั้นเป็นอะไร ค่อยๆ ศึกษาออกมาในทุกประเด็น จนกระทั่งได้คำตอบมาถึงวันนี้แม้จะยังไม่สมบูรณ์ 100% แต่แนวโน้มค่อนข้างชัด อย่างเช่น วิญญาณถ้ามีจริงก็ต้องเป็นอะไรบางอย่าง เป็นสสารหรือเป็นพลังงาน ถ้าวิญญาณมีจริงนั้น ต้องสามารถตรวจจับได้ น่าจะศึกษาได้

สิ่งที่จะศึกษาเรื่องการระลึกชาติได้อย่างชัดเจน ก็คือ เรื่องของวิญญาณ

แต่เดิมมีความเชื่อว่ามนุษย์จะประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือ ร่างกายและวิญญาณ คนตาย ก็คือคนที่วิญญาณออกจากร่างไม่กลับมา ส่วนคนเป็น คือ คนที่วิญญาณอยู่กับตัว เพราะฉะนั้น ชีวิตจำเป็นต้องมีสองส่วน สิ่งที่กล่าวมานั้นเป็นความเชื่อกันมาตั้งแต่โบราณ ทางนักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษากันถึงเรื่องนี้ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย จนได้ข้อมูลค่อนข้างชัดเจนว่า ความเป็นความตาย ของมนุษย์ไม่เกี่ยวข้องกับวิญญาณเลย ทำให้บทบาทของวิญญาณน้อยลงไปเรื่อยๆ หรือแม้กระทั่งความเชื่อที่ว่าวิญญาณอยู่ในร่างกายแบบสวมทับอยู่ แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน เชื่อแค่ว่าอยู่ภายในตัวเรา

ทำไมมนุษย์จึงต้องฝัน ความฝันเกิดจากอะไร​?

นอกจากนี้ ยังมีคนเชื่อกันว่าเวลาที่ฝัน วิญญาณจะออกจากร่างไปท่องเที่ยว รศ.ดร.ชัยวัฒน์ ให้คำตอบว่า ปัจจุบันนี้วิทยาศาสตร์ยังรู้ไม่หมดเกี่ยวกับความฝันว่าทำไมถึงฝัน และความฝันบอกอะไรได้บ้าง แต่วิทยาศาสตร์สามารถบอกได้ว่า ความฝันเกิดจากการทำงานของสมอง และไม่เกี่ยวกับเรื่องวิญญาณ

ส่วนการที่ฝันเห็นอย่างนั้นอย่างนี้ เนื่องจากเป็นส่วนของความทรงจำของคน ซึ่งสมองของคนทำงาน 2 ระดับ ได้แก่ 1.ระดับที่สมองทำงานเต็มที่ ทุกส่วนของร่างกายทำงานเต็มที่ และ 2.จิตใต้สำนึกที่เป็นเรื่องของความทรงจำ บางสิ่งที่เจอมาในอดีตเป็นเรื่องที่อยู่ในใจเหล่านี้ก็อยู่ในสมอง อย่างเช่น ในขณะที่ตื่นสมองความทรงจำเหล่านี้จะถูกเก็บ และเมื่อนอนหลับสมองทำงานลดลง 50% แต่สิ่งที่อยู่ในจิตใจไม่เคยหยุดนิ่ง เหมือนกับเวลากลางวันคนต้องคิดถึงสิ่งที่เป็นภาระ จดจ่อในการทำงาน แต่พอกลางคืนเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต ซึ่งอยู่กับตัวเราตลอดเวลามันจะออกมาในตอนที่นอนหลับ

ความฝันเป็นเรื่องของความทรงจำที่อยู่ในสมอง

“คนที่กำลังนอนหลับแล้วฝันช่วงฝันลึกตาของเขาจะขยับ เพราะว่าฝันเห็นเหตุการณ์จริงว่าเดินหรือวิ่งไปไหน ให้ลองปลุกเขาในตอนนั้นทันทีเขาจะจำได้ อันนี้เป็นวิธีง่ายๆ แต่ว่าทางวิทยาศาสตร์สามารถใช้เครื่องอีจี (EG) จับและวัดคลื่นสมองจะรู้เลยว่าตอนนี้กำลังหลับสบาย ตอนนี้กำลังฝัน และรู้ด้วยว่าฝันประเภทไหนลักษณะใด แต่ไม่ถึงกับรู้ว่าเรื่องราวของความฝันเป็นอย่างไร ตื่นเต้นหรือสบายๆ ผ่อนคลาย หรือเป็นฝันร้าย วิทยาศาสตร์บอกได้ ถึงแม้ว่าจะยังตอบไม่ได้ทั้งหมดว่าทำไมเราจึงฝัน ความฝันบอกอะไรได้ไหม แต่ที่ชัดเจนแล้วอธิบายได้ คือ ไม่เกี่ยวกับวิญญาณ”

90% ของกระบวนการวิทยาศาสตร์พบไม่มีวิญญาณอยู่จริง

อย่างไรก็ตาม วิญญาณถูกหักล้างด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์เรื่อยๆ จนแทบไม่มีบทบาทเลย ทำให้ในการที่จะอธิบายเรื่องของระลึกชาติ โดยโฟกัสไปที่วิญญาณนั้น มีแนวโน้มถึง 90% ว่าไม่มีวิญญาณ แต่ไม่ได้หมายความเรื่องของการระลึกชาติไม่จริง เพราะวิทยาศาสตร์ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

ทางวิทยาศาสตร์มีแนวโน้มที่สูงมากถึง 90% ว่าอาจจะไม่มีชาติภพ

ฉะนั้น จึงสรุปเรื่องระลึกชาติได้ว่า ส่วนใหญ่จะมีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ยังมีอยู่จำนวนหนึ่งที่ประมาณ 10% ซึ่งวิทยาศาสตร์บอกว่าน่าสนใจ และไม่สามารถตอบได้ว่าใช่หรือไม่ใช่ ต้องศึกษาและพิสูจน์กันต่อไป โดยใช้กระบวนการวิทยาศาสตร์ ซึ่งบางกรณีก็ทำไม่ได้ง่ายๆ เพราะต้องไปศึกษาเจาะอย่างละเอียดทุกเรื่องราวเท่าที่จะเป็นไปได้

“ยกตัวอย่างเช่น เวลาไปอ้างถึงใคร ก็ต้องไปหามาแล้วมาศึกษาดูว่าใช่หรือไม่ใช่ ซึ่งตรงนี้ปรากฏว่าเวลาจะทำจริงๆ นั้นเกิดปัญหา มักจะมีข้อขัดข้องเช่น ติดต่อไม่ได้ ไม่สะดวกจะให้ข้อมูล คนที่เกี่ยวข้องบอกว่าแค่นี้พอนะ เริ่มไม่สบายใจแล้วที่จะให้เจาะลึกศึกษาต่อไป หรืออาจจะกลายเป็นเรื่องของการไปรบกวนบรรพบุรุษ และอีกฝ่ายอาจจะมองว่าเป็นการมาจับผิดเขาหรือเปล่าเหล่านี้ มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน มันก็เลยทำให้ในส่วนที่วิทยาศาสตร์จะพิสูจน์ว่ามันจริงหรือไม่นั้น จึงไม่ได้ในจุดนี้ทั้งหมด”

ทุกเรื่องมีโอกาสเป็นไปได้ แม้เกิดเพียงแค่กรณีเดียว!

เมื่อทีมข่าวถามอาจารย์ชัยวัฒน์ว่า นอกเหนือจากวิธีที่จะพิสูจน์จากวิญญาณที่จะมาเป็นตัวศึกษา ยังมีวิธีอื่นอีกหรือไม่นั้น นักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง ให้คำตอบว่า “มี แต่ชัดเจนไม่เท่าศึกษาจากเรื่องของวิญญาณ เพราะวิญญาณมีองค์ประกอบที่สามารถศึกษาอย่างเป็นระบบชัดเจนที่จะตอบโจทย์ข้อนี้ สิ่งอื่นมันจะไม่ชัดเจนเท่า เพราะว่าวิญญาณจะเกี่ยวข้องหมดเลยทั้งในเรื่องของความเป็นความตาย เรื่องชาติภพ เรื่องระลึกชาติ เรื่องของความฝัน แต่คำตอบที่เรารู้มันแกะเป็นปมออกมาในแนวโน้มอย่างที่ว่า เรื่องชาติภาพอาจจะไม่มีจริง แต่ก็ยังไม่ใช่ 100% ส่วนน้อยที่เหลืออยู่ไม่มากไม่ถึง 10% โอกาสจะเป็นจริงขึ้นมาได้ไหมนั้น มองว่าเป็นไปได้

น้องจิ๋ว เล่าชาติปางก่อนว่าเป็นคนรับใช้ของเจ้าแม่กวนอิม เขียนภาษาจีนได้คล่อง

อย่างไรก็ดี วิทยาศาสตร์ก็ยังถือว่า เรื่องของวิญญาณ เรื่องของการระลึกชาติ ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงเรื่องชาติภพ เป็นเรื่องที่ยังไม่ปิด เพราะถ้ามีข้อมูลหลักฐานใหม่หรือเรื่องเก่า ที่พิสูจน์ได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ชัดเจน แม้จะเป็นเพียงเรื่องเดียว วิทยาศาสตร์ก็ยอมรับ!

แนวคิดทางพุทธศาสนา เชื่อว่าการระลึกชาตินั้นสามารถเกิดขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับภาวะจิตที่นิ่ง ขณะที่ ทางวิทยาศาสตร์ มีแนวโน้มว่าระลึกชาติอาจจะไม่มีจริง แต่ยังมองว่ามีโอกาสเป็นไปได้ แล้วคุณล่ะ...คิดอย่างไรกับเรื่องนี้?

 

 
กำลังแสดงหน้าที่ 1 จากทั้งหมด 0 หน้า [หน้าถัดไปคือหน้าที่ 2] 1
 

 
เงื่อนไขแสดงความคิดเห็น
1. ทุกท่านมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระเสรี โดยไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ไม่กล่าวพาดพิง และไม่สร้างความแตกแยก
2. ผู้ดูแลระบบขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใด ๆ ต่อเจ้าของความคิดเห็นนั้น
3. ความคิดเห็นเหล่านี้ ไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมาย และไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับคณะผู้จัดทำเว็บไซต์

ชื่อ :

อีเมล์ :

ความคิดเห็นของคุณ :
                                  

              * ใส่รหัสจากภาพที่เห็นลงในช่องด้านล่าง และใส่คำตอบจากคำถาม เพื่อยืนยันการส่งความเห็น
  และสำลีสีอะไร
    

          ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการแสดงความคิดเห็นโดยสาธารณชน ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าชื่อผู้เขียนที่้เห็นคือชื่อจริง และข้อความที่เห็นเป็นความจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ boyoty999@google.com  เพื่อให้ผู้ดูแลระบบทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้