ข้างกรงของ...ผู้หลงผิด
นำเข้าเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2558 โดย จุฬา ศรีบุตตะ
อ่าน [58541]  

ส่องชีวิตหลังกำแพงคุก เปิดเรื่องเล่าข้างกรงของหนุ่มผู้หลงผิด .....


 

สำหรับในตอนที่ 2 นี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้เข้าไปหาข้อมูลภายในเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นเรือนจำเปิด คือ ผู้ต้องขังจะต้องเข้าออกศาลตามนัด และปฏิบัติงานช่วยเหลือสังคมภายนอกเรือนจำ โดยกำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 15 ปี ปัจจุบัน (16 มิ.ย.58) เรือนจำจังหวัดนนทบุรี มีผู้ต้องขังจำนวน 2,833 คน ภายในเนื้อที่ 8 ไร่กว่า ขณะที่ ผู้ต้องขังส่วนใหญ่ในเรือนจำจังหวัดนนทบุรี 60% เป็นคดียาเสพติด

ความหดหู่ ความตึงเครียด โดนกำแพงสูงบดบัง
ผู้หลงเดินทางผิด ต้องมาชดใช้ความผิดในที่แห่งนี้

ส่องกิจวัตรประจำวันคนคุก ตื่นตี 5 นอน 3 ทุ่ม !?

สำหรับกิจวัตรความเป็นอยู่ของผู้ต้องขัง เริ่มตั้งแต่ตื่นนอนในเวลา 05.30 น. เพื่อสวดมนต์ในตอนเช้า ก่อนจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าช่วง 06.00-06.30 น. จากนั้นจะออกมารับประทานอาหารเช้าในเวลา 07.00 น. และเคารพธงชาติ 08.00 น. ก่อนจะเข้าประจำฝ่ายงานของตัวเอง เช่น ฝ่ายช่างไม้ ฝ่ายถักแห ฝ่ายโยธา ฝ่ายทำมุ้ง เป็นต้น ส่วนช่วงกลางวันจะพักรับประทานอาหารและผ่อนคลาย ประมาณ 12.00 น. และกลับเข้าทำงานประจำฝ่ายอีกครั้ง ต่อมา 15.30 น. จะรับประทานอาหารเย็น และปล่อยให้ผู้ต้องขังกลับเข้าเรือนนอน

หลังจากนั้น 16.30 น. ทางเรือนจำจะเปิดโทรทัศน์ให้ผู้ต้องขังดู ซึ่งรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ หรือละครต่างๆ จะต้องผ่านการเซ็นเซอร์ เนื่องจากภาพหรือเนื้อหาอาจไปกระตุ้นให้เกิดความคิดการกระทำบางอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับข่าวสารจากทางโทรทัศน์หรือหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นสื่อที่กระตุ้นให้ผู้ต้องขังเกิดความรู้สึกต่างๆ เช่น ความขัดแย้งทางการเมือง เรื่องเพศ ฉะนั้น สื่อต่างๆ จะถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมก่อนจะให้ผู้ต้องขังได้ดู กระทั่งเวลา 21.00 น. เจ้าหน้าที่จะปิดโทรทัศน์ และให้ผู้ต้องขังเข้านอน

เรือนนอนสุดคับแคบนอนห้องละ 7 คน
นายเอ หนุ่มวัย 33 ปี พ่อบ้านประชานิเวศน์

เรื่องเล่าข้างกรง...พ่อบ้านสุดเก๋า ผู้ทำทุกอย่างเพื่อแม่

ในเรือนจำจังหวัดนนทบุรี จะมีการแบ่งเป็นกลุ่มๆ ตามเขตพื้นที่บ้านของตัวเอง เช่น บ้านประชานิเวศน์ บ้านปากเกร็ด เป็นต้น และจะมีหัวหน้ากลุ่ม หรือที่เรียกกันว่า ‘พ่อบ้าน’ คอยดูแลเด็กๆ ในบ้าน ซึ่งคนที่จะมาเป็นพ่อบ้านได้นั้น จะต้องมีบารมี อำนาจ อาวุโส หรือความเก๋า เพราะจะต้องคอยดูแลคนในบ้านให้เชื่อฟัง และยังต้องสามารถเคลียร์ปัญหาระหว่างบ้านได้ด้วย

วันนี้ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้ร่วมพูดคุยกับ พ่อบ้านประชานิเวศน์ นายเอ หนุ่มวัย 33 ปี ที่ได้รับโทษจำคุก 3 ปี 4 เดือน จากคดีรับของโจร ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ได้เข้ามาอยู่ในเรือนจำ ส่วนครั้งแรก นายเอ เข้ามาเมื่อปี 2549 ในคดีปล้น โทษจำคุก 6 ปี

เรือนนอนของผู้ต้องขัง

“ตอนนั้นที่ทำเพราะได้เงินเร็วครับ หลังจากอยู่ในคุก 6 ปี ก็ได้ถูกปล่อยตัวออกมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ หางานทำ ผมก็ไปสมัครงานตามที่ต่างๆ แม้กระทั่งโรงงานเขาก็ไม่รับ ใครที่เคยพูดว่าสังคมให้โอกาสคนแต่ในความจริงแล้วเขาไม่ยอมรับคนเคยติดคุกหรอกครับ ผมเลยไปขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง แต่เงินก็ไม่พอใช้ เพราะว่าลูกค้าบางคนเขาก็ไม่อยากจะขึ้นคันเรา รู้ว่าเป็นคนขี้คุกมาก่อน” มูลเหตุจูงใจเพราะสังคมไม่ยอมรับ จึงบังคับให้หนุ่มวัย 33 ปี ต้องกระทำผิดเป็นครั้งที่ 2

“ครั้งนี้เข้ามาอยู่ก็เริ่มรับสภาพได้แล้ว แต่มันแย่กว่าเดิมตรงที่ครั้งที่แล้วยังมีพี่สาวอยู่ดูแลแม่ แต่ครั้งนี้พี่สาวต้องเข้าไปอยู่ทัณฑสถานหญิงกลางในคดีค้ายา เพราะว่าผมไม่อยู่แล้วภาระค่าใช้จ่ายก็ตกอยู่กับพี่สาว ก่อนผมเข้ามาอยู่ในเรือนจำผมก็บอกเขานะว่าอย่าทำ ให้ดูแลแม่ให้ดี แต่เขาก็เลือกทำแบบนี้ ที่บ้านจึงเหลือแม่อยู่กับหลานเท่านั้น ส่วนพ่อได้เสียชีวิตหลังจากผมติดคุกในครั้งแรก เจ้าหน้าที่เป็นคนมาบอก ซึ่งตอนแรกที่รู้ก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนโดนฟ้าผ่าจนช็อตไปหมดทั้งตัว หลังจากนั้นก็ซึมเศร้าไปหลายวัน แม้แต่ศพพ่อก็ไม่ได้กราบ”

กองงานถักแห

ทีมข่าวฯ ได้ซักถามหนุ่มวัย 33 ต่อว่า เหตุใดจึงถูกเลือกขึ้นมาเป็นพ่อบ้านประชานิเวศน์ โดยนายเอ ให้เหตุผลว่า ที่เขาได้รับเลือกขึ้นมาเป็นพ่อบ้านมาจากความอาวุโสที่สุด และเป็นผู้มีพละกำลังมาก โดยนายเอ จะคอยเคลียร์ปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันในกลุ่มคนในบ้านและระหว่างบ้าน ซึ่งวิธีเคลียร์ของเขาก็เริ่มจากการพูดคุย แต่ถ้ายังคุยไม่รู้เรื่องก็เริ่มซัดทันที โดยนายเอ จะเป็นผู้เปิดทางให้ลูกบ้านก่อน

“เมื่อก่อนผมเกเรมาก เวลามีเรื่องก็ไม่เคยยอมใคร แต่เดี๋ยวนี้โตขึ้น มีเรื่องมีราวก็ลดน้อยลงไป และอยากรีบกลับบ้านไปหาแม่ด้วย เลยไม่ค่อยมีเรื่องกับใคร พยายามทำตัวดีๆ จะได้ถูกปล่อยตัวเร็วๆ”

เมื่อถามถึงสิ่งที่อยากทำมากที่สุดตอนนี้ นายเอ ตอบว่า “อยากกลับบ้านเร็วๆ คิดถึงแม่ อยากกอดแม่ ผมเหลือแม่คนเดียวแล้ว ผมสงสารแม่ เพราะแม่ก็แก่แล้วต้องเลี้ยงหลานอีกคน ค่าใช้จ่ายในบ้านก็เยอะ อยากกลับไปดูแลแม่” อยากกอดแค่ไหนแต่ก็ทำได้แค่เห็นหน้าพูดคุยผ่านกระจกกั้น โดยแม่ของนายเอจะมาเยี่ยมเพียงอาทิตย์ละครั้งเท่านั้น เพราะอายุมาก ประกอบกับเดินทางไปมาลำบาก

พ่อบ้านหนุ่มผู้รักแม่สุดหัวใจ

ปัจจุบันนี้ นายเอ จะคอยส่งเงินให้แม่ใช้ทุกเดือน เดือนละ 6,000-6,500 บาท โดยมีรายได้จากการขายกาแฟและขายสิ่งของอื่นๆ ภายในเรือนจำ ซึ่งผู้ต้องขังคนใดต้องการซื้อสินค้าจะต้องจ่ายเป็นบุหรี่แทนเงินสด เนื่องจากในเรือนจำจะไม่อนุญาตให้ใช้เงิน ทั้งนี้ วิธีการของนายเอ จะนำบุหรี่ขายให้กับญาติที่มาเยี่ยมผู้ต้องขัง โดยญาติผู้ต้องขังไม่ต้องจ่ายเงินสดให้กับนายเอ แต่จ่ายให้กับแม่นายเอแทน ส่วนบุหรี่ก็ให้ผู้ต้องขังมารับที่นายเอ ไม่ต้องเสียเวลาไปซื้อจากข้างนอก

“ฝากถึงคนที่กำลังจะทำความผิด อยากให้คิดเยอะๆ คิดถึงครอบครัวของตัวเอง เพราะข้างในนี้มันไม่น่าอยู่หรอก เข้ามาแล้วออกยาก เมื่อก่อนผมเคยคิดว่ามันเท่นะ แต่พอเข้ามาอยู่จริงๆ มันน่าเบื่อ ทำอะไรเดิมๆ ซ้ำๆ ทุกวัน” นายเอ ทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ

เมื่อมีคนนอกเข้าไปในเรือนจำ ผู้ต้องขังที่ยืนจะต้องหันหลังและเอามือไพล่หลังอยู่ตลอด
น้องบี สาวประเภทสอง หนึ่งในไม่กี่คนในเรือนจำ

เรื่องเล่าข้างกรง...ความรักเบ่งบานของนางพญาในดงชายชาตรี

จากนั้นทีมข่าวฯ ได้พูดคุยกับสาว (ประเภทสอง) ผู้เป็นนางพญาสุดสวยในเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ทีมข่าวฯ ขอเรียกเธอว่า น้องบี โดยน้องบีอายุ 30 ปี โดนคดีร่วมชิงทรัพย์ชาวต่างชาติบริเวณถนนข้าวสาร ซึ่งเหตุผลที่กระทำก็เช่นเดียวกับนายเอ คือ ได้เงินมาเร็ว น้องบี เข้ามาอยู่ในชายคานี้ได้ 6 ปีแล้ว โดยเธอเล่าว่า “แรกๆ ที่เข้ามาอยู่ก็รู้สึกเกร็งๆ เพราะมีแต่ผู้ชาย เขาก็จะชอบแซวหนูอยู่บ่อยๆ แรกๆ หนูก็เขินไม่กล้าต่อปากต่อคำ แต่ตอนนี้ก็มีด่ากลับไปบ้าง (หัวเราะ)”

สำหรับสาวประเภทสองที่เข้ามาอยู่ในเรือนจำจังหวัดนนทบุรีนั้น จะค่อนข้างสบายเพราะจะได้รับอภิสิทธิ์มากกว่าคนอื่นๆ เช่น งานที่ต้องใช้แรง มากๆ เจ้าหน้าที่ก็จะเห็นใจ ส่วนน้องบี จะมีตำแหน่งงานประจำคือโยธาเขต 1 มีหน้าที่ทำความสะอาดห้องเจ้าหน้าที่ ดูแลเสื้อผ้าของหัวหน้าเขต รวมถึงยังเป็นอาสาสมัครต่อต้านโรคเอดส์อีกด้วย โดยจะคอยให้ความรู้คำปรึกษาผู้ต้องขังคนอื่นๆ

แรกๆ ที่เข้ามาน้องบีรู้สึกเกร็งๆ มีแต่คนแซวตลอด

เมื่อชีวิตประจำวันต้องเปลี่ยนแปลงไป ผมที่ยาวสลวยต้องถูกตัดเกรียน แม้จะเสียใจแค่ไหนแต่ก็ต้องยอม ขณะที่ ทางเรือนจำจังหวัดนนทบุรีจะมีตู้จดหมายสีแดงตั้งไว้บริเวณหน้าโรงครัว ผู้ต้องขังสามารถเขียนจดหมายร้องทุกข์ระบายความในใจ ส่งตรงถึงผู้บัญชาการเรือนจำ โดยน้องบี ก็เคยเขียนจดหมายร้องทุกข์เช่นกัน เธอเล่าว่า เขียนไปขอให้ทางเรือนจำนำเครื่องสำอางมาขายให้แก่ผู้ต้องขัง ซึ่ง ผบ.เรือนจำก็เมตตาจัดให้ตามคำขอ โดยให้เหตุผลว่าเป็นการผ่อนปรนจิตใจให้แก่ผู้ต้องขัง

น้องบี เล่าให้ทีมข่าวฯ ฟังว่า เมื่อ 2 ปีก่อน ได้พบรักกับผู้ต้องขังหนุ่มรุ่นน้องที่อยู่เขต 3 โดยน้องบีจะเขียนจดหมายฝากผ่านเพื่อนๆ ไปให้หนุ่มคนนั้น เนื้อความในจดหมายฉบับแรกบอกไปตรงๆ เลยว่า ฉันชอบคุณนะ! และหนุ่มรุ่นน้องก็ตอบกลับเธอว่า รอให้พร้อมก่อนจะดีกว่า ขณะที่ เขียนตอบกันไปมาในระยะเวลาไม่ถึงเดือนทั้งคู่ก็ตกลงปลงใจเป็นแฟนกันซะอย่างนั้น ซึ่งทุกวันนี้ทั้งคู่ก็ยังคบกันอยู่ โดยย้ายไปนอนด้วยกันที่เรือนนอน 3 ที่แม้จะแออัดกว่า 30 คน แต่ทั้งคู่ก็ใช้ผ้ากั้นเพื่อความเป็นส่วนตัว ซึ่งที่เรือนจำเข้าใจในธรรมชาติของมนุษย์ หากผู้ต้องขังคนใดมีแฟนและต้องการมีเพศสัมพันธ์กัน สามารถไปขอถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคได้

ผบ.เรือนจำ จะมาไขตู้จดหมายทุกวัน
แรกๆ ที่เข้ามาน้องบีรู้สึกเกร็งๆ มีแต่คนแซวตลอด

“ใครที่จะตัดสินใจทำเรื่องผิดกฎหมาย ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าอย่าทำ อย่าเข้ามาอยู่ในที่แบบนี้เลยมันไม่ได้สบายเหมือนอยู่ข้างนอกหรอกนะ ยิ่งช่วงนี้รัฐบาลเข้มงวดมากขึ้น เมื่อก่อนให้เอาของกินขึ้นไปบนเรือนนอนได้ แต่ตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว ให้ขึ้นไปตัวเปล่า น้ำสักแก้วก็ยังไม่ได้ ส่วนเสื้อผ้าก็จำกัดให้มีคนละ 5 ชุด รองเท้า 2 คู่เท่านัั้น อยู่ในนี้มันไม่สบาย อย่าเข้ามาเลย” สาววัย 30 ฝากเตือนสติ.

 

อ่านเพิ่ม

ร้องทุกข์ นิ่งเฉย ประท้วง!? ย้อนรอยจลาจลในคุกของมนุษย์ผู้ไร้อิสรภาพ

 

 

 

 
กำลังแสดงหน้าที่ 1 จากทั้งหมด 0 หน้า [หน้าถัดไปคือหน้าที่ 2] 1
 

 
เงื่อนไขแสดงความคิดเห็น
1. ทุกท่านมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระเสรี โดยไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ไม่กล่าวพาดพิง และไม่สร้างความแตกแยก
2. ผู้ดูแลระบบขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใด ๆ ต่อเจ้าของความคิดเห็นนั้น
3. ความคิดเห็นเหล่านี้ ไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมาย และไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับคณะผู้จัดทำเว็บไซต์

ชื่อ :

อีเมล์ :

ความคิดเห็นของคุณ :
                                  

              * ใส่รหัสจากภาพที่เห็นลงในช่องด้านล่าง และใส่คำตอบจากคำถาม เพื่อยืนยันการส่งความเห็น
  และสำลีสีอะไร
    

          ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการแสดงความคิดเห็นโดยสาธารณชน ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าชื่อผู้เขียนที่้เห็นคือชื่อจริง และข้อความที่เห็นเป็นความจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ boyoty999@google.com  เพื่อให้ผู้ดูแลระบบทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้