ความทุรกันดารบนพื้นที่สูง อากาศหนาวเย็นพานักท่องเที่ยวขึ้นมาเที่ยวชมและจาก ไป แต่กับผู้อำนวยการเฉลิมพล หล้าเพ็ง ท่านใช้ทั้งชีวิตของอาชีพข้าราชการครู ในการเข้ามาพัฒนา โรงเรียน ปณิธาณที่ตั้งมั่นอยู่ในใจของครูผู้นี้ กลายเป็นแรงผลักดันให้นำไปสู่การขยายโอกาส ทางการศึกษา โดยก่อตั้งโรงเรียนสาขาทั้งหมด 17 แห่ง ซึ่งปัจจุบันได้พัฒนาเป็นโรงเรียนหลัก ที่มีการบริหารจัดการตัวเองได้ถึง 13 แห่ง มีนักเรียนชาวเขาทั้ง 7 ชาติพันธุ์ เช่น อาข่า มูเซอ ไทยใหญ่ และม้ง ที่ได้รับโอกาสทางการศึกษาให้เด็กชาวเขามีที่ในสังคมเทียบเท่ากับเด็กไทยทุกคน
นายเพลิมพล หล้าเพ็ง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านห้วยผึ้ง กล่าวว่า “โรงเรียนสาขา คือหมู่บ้านที่เขาต้องการให้มีการจัดการเรียนการสอน แต่ว่าจำนวนนักเรียนยังไม่มีในบัญชี จำนวนครูก็ไม่มีในบัญชี ไม่มีอะไรสักอย่าง เราก็ต้องอาศัยโรงเรียนหลัก โรงเรียนแม่ เอารายชื่อเด็กทั้งหมดมาอยู่ในโรงเรียนหลัก แล้วก็ส่งครูที่โรงเรียนหลักไปช่วยสอน ส่วนปัญหาที่พบ คือปัญหาเรื่องอาคารสถานที่ เรื่องชาวบ้าน ข้างบนนี้เป็นชนเผ่า บางหมู่บ้านเราต้องแปลกัน 6-7 ครั้งกว่าจะเข้าใจ และปัญหาเรื่องความมั่นคงด้วย เวลาประชุมจะมีทหารหงสา ว้าแดง มาประชุมด้วย เพราะเขาไม่แน่ใจว่าเราเป็นอะไรทหาร ตำรวจหรืออะไรเขาไม่รู้ แต่เราบอกว่าเรามาเพื่อที่จะพัฒนาการศึกษา”
การต่อสู้บนความยากลำบากในการเดินทาง และการสื่อสารระหว่างผู้คนที่มีความหลากหลายทาง ชาติพันธุ์ เพียงเพื่อต้องการให้เด็กชาวเขาได้มีความรู้เพื่อกลับไปพัฒนาบ้านเกิด ไม่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ และประกอบอาชีพผิดกฏหมาย ซึ่งครูและนักเรียนโรงเรียนบ้านห้วยผึ้ง ต่างมีความรักและความผูกพันกับผู้อำนวยการเฉลิมพล โดยถือเป็นครูผู้ให้และทุ่ทเททั้งชีวิต กับการสร้างและพัฒนาเด็กผู้ด้อยโอกาสที่มาจากหลากหลายชาติพันธุ์
“ตอนผอ.เข้ามาอาคารเรียนเรายังมีอยู่แค่สามหลัง ยังเป็นอาคารเรียนไม้ไผ่เสริม ประการแรกหลังจากที่ท่านมาใหม่ๆ สิ่งแรกที่ท่านนึกถึง คือบ้านพักครู บ้านพักครูสร้างแบบหนึ่งห้องโถงใหญ่แล้วก็กั้นเป็นห้องอยู่รวมกัน ท่านสงสารจะมีความสุขได้ ครูต้องมีความสุขก่อน ก็เลยจัดการสร้างบ้านพักครูก่อน” นางกนกพร อานุ ครูโรงเรียนบ้านห้วยผึ้ง กล่าว
นางสาว จิ่ง คำดี นักเรียนชนเผ่าไทยใหญ่ โรงเรียนบ้านห้วยผึ้ง กล่าวว่า "หนูรู้สึกว่าหนูดีใจที่ได้รู้จักท่านผอ. เพราะท่านผอ.เป็นครูที่มากกว่าครู เป็นทั้งผู้ที่นำโอกาสมาให้เด็กบนพื้นที่ราบสูงอย่างหนู มามอบการศึกษาและมอบแต่สิ่งดีๆให้กับเด็กที่อยู่บนพื้นที่สูงอย่างพวกหนู หนูอยากจะบอกท่านผอ.ว่าหนูรักและเคารพท่านผอ.ที่ท่านเสียสละเวลาทุ่มเทแรงกายแรงใจพัฒนาทบนพื้นที่แห่งนี้ ท่านผอ.เป็นดังแสงสว่างของคนที่อยู่บนดอย และด้อยโอกาส ถึงแม้ว่าคนข้างล่างเขาจะเรียกหนูว่าเด็กดอย อยู่หลังเขา แต่หนูก็ภูมิใจที่ได้เป็นลูกของผอ. ที่ได้มารู้จักและได้มาเรียนกับท่านผอ.คะ”
การทำงานอย่างหนักบวกกับความพยายามที่อยากจะพัฒนา โรงเรียนในพื้นที่สูง จนถึงวันนี้รางวัล “ยอดครูผู้มีอุดมการณ์” ที่ครูผู้นี้ได้รับไม่ได้ทำให้ การเดินบนเส้นทางของอาชีพครู หยุดอยู่เพียงแค่นี้ แต่นายเฉลิมพลยังคงแน่วแน่ในการพัฒนาและขยายโอกาสให้กับนักเรียน ชายขอบผู้ด้อยโอกาสและทำหน้าที่ของครูผ้มีอุดมการณ์บนพื้นที่สูงต่อไป