10 ผลวิจัยวิทยาศาสตร์สุดแปลกประจำปี 2013
นำเข้าเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2556 โดย นายจุฬา ศรีบุตตะ
อ่าน [58572]  

.....

 
 

 

 
 

Pic_391103

 

ไม่ใช่ทุกครั้งที่การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ จะต้องเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ แต่บางครั้งก็เป็นการค้นพบในเรื่องธรรมดาๆ แต่น่าพิศวงด้วยเช่นกัน และต่อไปนี้คือการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่แปลกหรืออาจจะไม่มีประโยชน์ที่สุดในปี 2013

 

1. กลิ่นมีทั้งหมด 10 กลิ่น และกลิ่นข้าวโพดคั่วเป็นหนึ่งในนั้น

ที่ผ่านมามนุษย์เรารู้จักรสชาติพื้นฐาน 5 อย่าง ได้แก่ เปรี้ยว, หวาน, เค็ม, ขม และรสกลมกล่อม (อุมามิ) แล้ว แต่ผลการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์จากวิทยาลัย เบตส์ และมหาวิทยาลัย พิตต์สเบิร์ก ซึ่งเผยแพร่เมื่อเดือน ก.ย. ระบุว่า จากการทดลองกลิ่นทั้งหมดราว 144 กลิ่น พวกเขาสามารถจำแนกกลิ่นออกมาได้เป็น 10 กลุ่ม และกลิ่นข้าวโพดคั่ว หรือป๊อปคอร์นเป็นหนึ่งในนั้น ส่วนอีก 9 กลิ่นที่เหลือ คือ กลิ่นหอม, กลิ่นต้นไม้/ยาง, กลิ่นผลไม้ (ที่ไม่ใช่จำพวกมะนาวหรือส้ม), กลิ่นเคมี, กลิ่นมินต์, กลิ่นหวาน, กลิ่นเลมอน, กลิ่นฉุน และกลิ่นเน่า

 

2. ไม่ควรกลั้น ‘ผายลม’ บนเครื่องบิน

ทีมวิจัยซึ่งประกอบด้วยแพทย์โรคทางเดินอาหารจากอังกฤษและเดนมาร์ก เผยในเดือน ก.พ. ว่า ไม่ควรกลั้นผายลม โดยเฉพาะเวลาอยู่บนเครื่องบิน ซึ่งมนุษย์จะอยากผายลมบ่อยกว่าปกติเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงความดันภายในห้องโดยสาร และการกลั้นผายลมบ่อยๆ จะทำให้เกิดความผิดปกติหลายอย่างเช่น ความเครียด, อึดอัด, ปวดท้อง, ลำไส้บวมแก๊ส, อาหารไม่ย่อยและอื่นๆ อีกมากมาย

อย่างไรก็ตาม หลายคนคงกังวลเรื่องกลิ่น ซึ่งกลิ่นผายลมของผู้หญิงจะแรงกว่าของผู้ชาย โดยแพทย์กลุ่มนี้ได้แนะนำว่า เวลาผายลมควรเดินไปกลับบนทางเดินระหว่างที่นั่ง เพื่อให้กลิ่นกระจายเป็นบริเวณกว้าง จะได้เหม็นน้อยลง

 

3. ขนาดของ ‘องคชาต’ สำคัญนะ

เมื่อเดือน เม.ย. ทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย (เอเอ็นยู) ค้นพบว่า เมื่อพูดถึงความน่าดึงดูดใจแล้ว ขนาดของ ‘อาวุธ’ ของท่านชายก็มีความสำคัญ โดยจากการทดลองกับผู้หญิงที่มีความสนใจในเพศตรงข้าม 100 คน ด้วยการให้ดูภาพเปลือยของผู้ชายขนาดเท่าตัวจริงที่ติดไว้บนกำแพงจำนวน 53 ภาพ และพบว่าผู้หญิงมีความสนใจเพิ่มขึ้นตามขนาดขององคชาตที่ใหญ่ขึ้น แต่ก็ไม่มากมายนัก

อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ระบุด้วยว่า ความสูงก็มีผลในการกระตุ้นความสนใจของเพศหญิงด้วยเช่นกัน โดยเขาพบในการทดลองนี้ว่า ความสูงมีผลในการเพิ่มความสนใจแก่ผู้หญิงเทียบเท่าขนาดของท่านชายทีเดียว

 

4. การปรบมือติดต่อถึงกันได้

บางครั้งคุณจะสังเกตเห็นว่า คุณเผลอปรบมือหลังจากชมการแสดงหรืออะไรบางอย่างที่น่าเบื่อหรือไม่ได้ความ ซึ่งในเรื่องนี้นักวิทยาศาสตร์ในประเทศสวีเดนได้ทำการวิจัย และสรุปผลออกมาว่า สิ่งที่ทำให้เราปรบมือ ไม่ได้เกิดจากคุณภาพของการแสดงหรือสิ่งที่เราชมไปเสียทั้งหมด แต่เกิดจากอิทธิพลของคนรอบข้าง

 

5. หุ่นยนต์ 2 ล้อ ขับเคลื่อนโดยผีเสื้อราตรี

เมื่อเดือน ก.พ. ทีมนักวิจัยชายญี่ปุ่นได้พัฒนา หุ่นยนต์ 2 ล้อ ซึ่งขับเคลื่อนด้วยผีเสื้อกลางคืนตัวผู้ขึ้นมา โดยหุ่นยนต์ตัวนี้จะเคลื่อนที่เมื่อผีเสื้อซึ่งอยู่บนลูกกลิ้งเซ็นเซอร์ (คล้ายเม้าส์ลูกกลิ้ง) เคลื่อนไหวด้วยการกระตุ้นจากกลิ่นฟีโรโมนของผีเสื้อกลางคืนเพศเมีย โดยการทดลองนี้นักวิทยาศาสตร์ตั้งใจพัฒนาเพื่อสร้างหุ่นยนต์ติดตามกลิ่น เพื่อใช้แทนที่สุนัขดมกลิ่นในอนาคต

 

6. ทากทะเลงอกอวัยวะเพศใหม่ได้ 3 ครั้ง

ทากทะเลเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด เมื่อเดือน ก.พ. ทีมนักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า ทากทะเล ‘โครโมโดริส เรติคูลาตา’ (Chromodoris reticulata) สามารถตัดลึงค์ของตัวเองทิ้งได้หลังจากผสมพันธุ์ และสามารถงอกใหม่ได้ภายใน 24 ชั่วโมง โดยตลอดชีวิตของมันสามารถทำเช่นนี้ได้อย่างน้อย 3 ครั้ง

นอกจากนี้ ในเดือน พ.ย. นักวิทยาศาสตร์ยังพบพฤติกรรมประหลาดของทางทะเลสายพันธุ์ ‘เกรด แบร์ริเออร์ รีฟ’ โดยพวกมันจะทิ่มอวัยวะเพศเข้าไปในส่วนหัวของอีกฝ่ายขณะมีการสืบพันธุ์ และจะฉีดสารคัดหลั่งเข้าไปในระบบประสาทส่วนกลางของอีกฝ่ายด้วย

 

7. นักวิทยาศาสตร์ไขความลับภาวะจิตไร้สำนึก

นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นทำให้การอ่านความฝันไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป โดยเมื่อเดือน เม.ย. ทีมนักวิทยาศาสตร์ทดลองสแกนสมองคนด้วยเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (เอ็มอาร์ไอ) และขอให้ผู้รับการทดสอบอธิบายภาพที่พวกเขาเห็นขณะหลับ ซึ่งคำตอบที่ได้ตรงกับแผนที่สมองที่ได้จากเครื่องเอ็มอาร์ไอ ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถคาดการณ์ภาพที่เกิดขึ้นในฝันของคนได้แม่นยำถึง 70% ทีเดียว

 

8. กินพริกไทยเสฉวนจะรู้สึกซ่าเหมือนถูกแตะผิวหนังรัวๆ

ใครก็ตามที่เคยลิ้มรสอาหารที่มีส่วนผสมของพริกไทยเสฉวน จะรู้ว่ามันสามารถทำให้รู้สึกเผ็ดซ่าบริเวณปลายลิ้น อย่างไรก็ตาม ในเดือน ก.ย.นักวิทยาศาสตร์อังกฤษได้ทำการตรวจสอบการส่งสัญญาณไปยังสมอง จากการตอบสนองต่อการทานพริกไทยเสฉวนและพบว่า รสเผ็ดซ่าที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับ การถูกสัมผัสผิวหนังเบา 50 ครั้งทุกวินาที

 

9. หลอกสมองให้เชื่อว่านิ้วปลอมเป็นอวัยวะของร่างกาย

ผลวิจัยของนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งในออสเตรเลีย ซึ่งเผยแพร่เมื่อเดือน ก.ย. ระบุว่า นักวิทยาศาสตร์สามารถหลอกสมองผู้รับการทดลองให้เชื่อว่านิ้วปลอม เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายจริงได้ โดยพวกเขาให้ผู้รับการทดสอบ 19 คนติดนิ้วปลอมยาว 12 ซม.ที่นิ้วชี้มือขวา แล้วให้ใช้มือซ้ายสัมผัสที่นิ้วปลอม แต่ผู้รับการทดสอบกลับรู้สึกเหมือนกำลังสัมผัสนิ้วของตัวเองอยู่จริงๆ เรื่องนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์ค้นพบใหม่ว่า สมองใช้เพียงปลายประสาทสัมผัสจากกล้ามเนื้อเท่านั้น ในการสร้างแผนภูมิร่างกายขึ้นมา จากที่เคยเชื่อว่าใช้ประสาทหลายส่วน และรู้ด้วยว่าสมองรู้สึกเองว่าอวัยวะในร่างกายเป็นของเราโดยไม่จำเป็นต้องมองเห็นหรือสัมผัส

นักวิทยาศาสตร์หวังว่าผลวิจัยนี้จะสามารถเป็นแนวทางในการรักษาผู้ป่วยโรคจิตเภท, โรคหลอดเลือดสมอง หรือกลุ่มอาการหลงผิดคิดว่าแขนขายังอยู่ (phantom limb phenomenon) ได้

 

10. สุนัขแกว่งหางไปทางซ้ายหรือขวา มีความหมายต่างกัน

เป็นที่ทราบกันดีว่าเราสามารถบอกได้ว่าสุนัขมีความสุขหรือเศร้า โดยดูจากการแกว่งหางของมัน แต่ผลวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ที่เปิดเผยเมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา พบว่าสุนัขแสดงอารมณ์ต่างกันขึ้นอยู่กับว่ามันแกว่งหางไปทางซ้ายหรือขวา โดยหากแกว่งทางขวาแสดงว่ามันรู้สึกผ่อนคลายและเป็นมิตร ขณะที่ถ้าแกว่งไปทางซ้ายแสดงว่ามันกำลังเครียด

จากการทดลองกับสุนัขเลี้ยงหลากหลายสายพันธุ์จำนวน 43 ตัว โดยให้พวกมันดูวิดีโอสุนัขตัวอื่นกำลังแกว่งหาง พบว่าสุนัขที่ดูวิดีโอสุนัขแกว่งหางไปทางซ้ายจะมีพฤติกรรมวิตกกังวลมากกว่า และหัวใจเต้นเร็วขึ้น ส่วนสุนัขที่ดูวิดีโอสุนัขตัวอื่นแกว่งหางไปทางขวา จะสงบไม่มีอาการตื่น บางตัวถึงกับเดินเข้าหาสุนัขในจอภาพด้วย ทำให้นักวิทยาศาสตร์สรุปว่า การที่สุนัขแกว่งหางไปทางขวาเป็นการแสดงออกถึงความเป็นมิตรนั่นเอง

 

 

 
 
 

 

 
กำลังแสดงหน้าที่ 1 จากทั้งหมด 0 หน้า [หน้าถัดไปคือหน้าที่ 2] 1
 

 
เงื่อนไขแสดงความคิดเห็น
1. ทุกท่านมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระเสรี โดยไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ไม่กล่าวพาดพิง และไม่สร้างความแตกแยก
2. ผู้ดูแลระบบขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใด ๆ ต่อเจ้าของความคิดเห็นนั้น
3. ความคิดเห็นเหล่านี้ ไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมาย และไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับคณะผู้จัดทำเว็บไซต์

ชื่อ :

อีเมล์ :

ความคิดเห็นของคุณ :
                                  

              * ใส่รหัสจากภาพที่เห็นลงในช่องด้านล่าง และใส่คำตอบจากคำถาม เพื่อยืนยันการส่งความเห็น
  และสำลีสีอะไร
    

          ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการแสดงความคิดเห็นโดยสาธารณชน ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าชื่อผู้เขียนที่้เห็นคือชื่อจริง และข้อความที่เห็นเป็นความจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ boyoty999@google.com  เพื่อให้ผู้ดูแลระบบทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้