|
"บั้งไฟพญานาค" ดวงไฟปริศนาที่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร |
|
|
ทุกๆปีในค่ำคืนวันออกพรรษาหรือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 บริเวณลำน้ำโขงในช่วงจังหวัดหนองคาย-บึงกาฬ(รวมไปถึงฝั่งเมืองเวียงจันทน์ของ สปป.ลาว) จะบังเกิดลูกไฟประหลาดลักษณะเหมือนไข่ไก่สีแดงอมชมพู พวยพุ่งขึ้นมาจากลำน้ำโขง สูงขึ้นไปในอากาศประมาณ 50-150 เมตร แล้วดับหายไปแบบไร้เสียง ไร้ควัน ไร้กลิ่น จุดที่ลูกไฟประหลาดพุ่งขึ้นนั้นไม่แน่นอน บางครั้งขึ้นกลางแม่น้ำโขง บางครั้งขึ้นใกล้ฝั่ง หากขึ้นกลางแม่น้ำลูกไฟจะเอนเข้าหาฝั่ง แต่หากขึ้นริมฝั่ง ลูกไฟจะพุ่งออกไปกลางแม่น้ำ
สำหรับปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นนี้ ชาวบ้านเรียกขานว่า “บั้งไฟผี” หรือ “บั้งไฟพญานาค” ที่มาพร้อมๆกับปริศนาชวนฉงนว่า บั้งไฟพญานาคเกิดขึ้นได้อย่างไร?
|
|
ประชาชนมากมายมารอชมบั้งไฟพญานาคในวันออกพรรษา |
|
|
บ้างก็ว่าเกิดจากน้ำมือมนุษย์โดยการจุดพลุหรือยิงปืนขึ้นฟ้า
ขณะที่คนส่วนใหญ่แล้วเชื่อว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เกิดจากก๊าซร้อนที่มีส่วนผสมของก๊าซมีเทนและก๊าซไนโตรเจน ซึ่งเกิดจากการหมักตัวของซากพืช ซากสัตว์ มูลสัตว์ และแบคทีเรีย เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ก๊าซที่ฝังตัวอยู่ใต้แม่น้ำโขงโดนแรงกดดันจากน้ำและอากาศก็จะพุ่งขึ้นมาเหนือน้ำ และเมื่อก๊าซนั้นกระทบกับออกซิเจน ก็จะเกิดการสันดาปอย่างรวดเร็ว กลายเป็นลูกไฟ หรือบั้งไฟพญานาคอย่างที่เห็นกัน
อย่างไรก็ดีก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะคนในท้องถิ่น เชื่อว่าลูกไฟประหลาดนี้เกิดจากการกระทำของพญานาคอันเป็นที่มาของชื่อบั้งไฟพญานาค โดยตามตำนานในพระพุทธศาสนาเชื่อว่า พญานาคเป็นผู้จุดบั้งไฟถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธเจ้าในวันออกพรรษา เพื่อเป็นการรับเสด็จหลังจากที่พระองค์เสด็จไปโปรดพระพุทธมารดาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ดังนั้นจึงเกิดลูกไฟขึ้นเฉพาะในช่วงวันออกพรรษาเท่านั้น
|
|
จุดชมบั้งไฟพญานาคที่อำเภอโพนพิสัย |
|
|
ส่วนเหตุที่บั้งไฟพญานาคเกิดขึ้นในลำน้ำโขงเฉพาะช่วงจังหวัดหนองคาย-บึงกาฬ รวมไปถึงฝั่งเมืองเวียงจันทน์ของ สปป.ลาว นั้น ชาวบ้านต่างเชื่อว่าบริเวณนี้มีเมืองบาดาลซึ่งเป็นอาณาจักรของพญานาคอยู่ใต้ลำน้ำโขง ทำให้บั้งไฟพญานาคปรากฏให้เห็นในแถบนี้มากกว่าที่อื่นๆ
แม้ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคในปัจจุบันจะยังเป็นเรื่องที่ชวน “งึด” (ภาษาถิ่นอีสาน แปลว่า น่าสงสัย น่าอัศจรรย์ใจ) แต่ทุกๆ ปีก็มีผู้คนมหาศาลไปรอชมบั้งไฟพญานาคกันอย่างล้นหลามจนถือเป็นงานเทศกาลท่องเที่ยวที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับจังหวัดหนองคายและจังหวัดใกล้เคียง
สำหรับจุดที่พบเห็นบั้งไฟพญานาคนั้นจากที่เคยเกิดขึ้นผ่านๆมา มีการกระจายไปตามอำเภอต่างๆ ของจังหวัดหนองคายและบึงกาฬที่อยู่ริมแม่น้ำโขง รวมแล้วกว่า 20 จุด แต่จุดที่เกิดบั้งไฟพญานาคให้เห็นทุกปีและเห็นมากที่สุดในจังหวัดหนองคายจะอยู่ที่อำเภอโพนพิสัย บริเวณปากห้วยหลวง ตำบลห้วยหลวง ในเขตเทศบาลตำบลจุมพล หน้าวัดไทย วัดจุมพล วัดจอมนาง หนองสรวง เวินพระสุก ท่าทรายรวมโชค ตำบลกุดบง บ้านหนองกุ้ง ส่วนในอำเภอรัตนวาปีก็เป็นอีกแห่งหนึ่งที่พบเห็นบั้งไฟพญานาคได้บ่อยในบริเวณปากห้วยเป บ้านน้ำเป วัดเปงจานเหนือ บ้านหนองแก้ว นอกจากนั้นก็ยังพบเห็นที่อำเภอสังคม บริเวณอ่างปลาบึก บ้านผาตั้ง บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอสังคม รวมทั้งที่อำเภอศรีเชียงใหม่ บริเวณวัดหินหมากเป้ง รวมไปถึงอำเภอเมือง ก็พบได้เช่นกัน
|
|
ชาวหนองคายส่วนหนึ่งเชื่อว่ามีเมืองบาดาลอยู่ใต้แม่น้ำโขง |
|
|
ส่วนในจังหวัดบึงกาฬ สามารถชมได้ที่อำเภอเมืองบึงกาฬ บริเวณแก่งอาฮง วัดอาฮง ตำบลหอคำ ซึ่งเป็นจุดที่ชาวหนองคายเชื่อกันว่าเป็นสะดือแม่น้ำโขง เป็นเมืองหลวงของเมืองบาดาล ส่วนในอำเภอปากคาดก็มีบั้งไฟพญานาคขึ้นให้เห็นเช่นเดียวกัน
สำหรับในปีนี้ ใครที่อยากไปร่วมงานบุญออกพรรษา รวมทั้งอยากไปชมบั้งไฟพญานาค ก็สามารถไปชมได้ในจุดต่างๆ ที่กล่าวไปแล้ว นอกจากนั้นทางจังหวัดหนองคายได้จัดกิจกรรมงานเทศกาลออกพรรษาตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค.-2 พ.ย. โดยนอกเหนือจากกิจกรรมสำคัญอย่างการร่วมชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคริมฝั่งแม่น้ำโขงในคืนวันที่ 30 ต.ค. ซึ่งเป็นวันออกพรรษาแล้ว ทางเทศบาลเมืองหนองคายยังมีการจัดกิจกรรมถนนอาหาร การแสดงแสงเสียงเปิดตำนานบั้งไฟพญานาคที่เป็นไฮไลต์ของทุกปีในวันที่ 28-29 ต.ค. 55 ณ บริเวณลานวัดศรีบุญเรือง ในอำเภอเมืองอีกด้วย และมีการแสดงต่างๆ ตลอดช่วงการจัดงาน
ในปี 2554 ที่ผ่านมามีบั้งไฟพญานาคเกิดขึ้นโดยรวมในวันออกพรรษา 583 ลูก แต่ในปีนี้ต้องมาลุ้นกันดูว่าจะมีบั้งไฟพญานาคขึ้นให้เห็นมากหรือน้อยเพียงใด |