ชีวิตหลังความตายเป็นอย่างไร
นำเข้าเมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2555 โดย pop
อ่าน [58598]  

ตายแล้วไปไหน .....

ปรโลกชีวิตหลังความตาย
 
ชีวิตหลังความตายจะเป็นอย่างไรเราเลือกได้ความจริง ชีวิต ตายแล้วไปไหน
ตายแล้วไปไหน
 
     ในทุกยุคทุกสมัยมนุษย์มักสงสัยกันว่า คนเราเมื่อตายแล้วจะไปอยู่ที่ไหน บางคนมีความเชื่อว่าตายแล้วสูญ บางคนเชื่อว่าตายแล้วไม่สูญ แต่โดยทั่วไปแล้วมนุษย์เราไม่ทราบว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งความเชื่อเหล่านี้มีผลต่อชีวิตหลังความตายของบุคคลนั้นๆ คือ ถ้าเชื่อว่าตายแล้วสูญ แล้วไม่ประกอบความดี เมื่อละโลกแล้วปรโลกที่เขาจะไปนั้น ก็จะเศร้าหมอง ทุกข์ทรมานยิ่งนัก หากมีความเชื่อว่าตายแล้วไม่สูญ ก็จะประกอบความดีอย่างต่อเนื่อง มีโอกาสเดินทางไปสู่ปรโลกที่มีแต่ความสุขได้ เมื่อละจากโลกนี้ไปแล้ว 
 ความตายเป็นสิ่งมนุษย์ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้
 
     แต่ถึงอย่างไรมนุษย์ทุกคนต้องตายด้วยกันหมดทั้งสิ้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทราบความจริงของชีวิต ว่าชีวิตหลังความตายเป็นอย่างไร มีสถานที่ใดบ้าง เป็นสถานที่รองรับชีวิตหลังความตาย มีสภาพชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร และเราจะเตรียมความพร้อมอย่างไรที่จะเดินทางไปสู่ปรโลก เมื่อเราได้ทราบแล้วจะทำให้เราเข้าใจความเป็นจริงของชีวิตมากขึ้น และจะได้ตั้งใจประกอบเหตุที่จะนำไปสู่ปรโลกที่ดีมากขึ้น และหากสั่งสมความดีไว้มาก แต่ยังไม่หมดกิเลส เรามีโอกาสเลือกสถานที่ที่เราต้องการจะไปหลังจากที่เราละจากโลกนี้ไปได้อีกด้วย
 
คำว่าปรโลกคืออะไร
 
     ปรโลกคือส่วนหนึ่งของสังสารวัฏ ในทางพระพุทธศาสนาได้กล่าวไว้ว่า คนเราเกิดมาไม่ใช่ชาตินี้ชาติเดียว เราเกิดมานับภพนับชาติไม่ถ้วน และยังต้องเวียนว่ายตายเกิดถือกำเนิดในวัฏสงสารอีกยาวไกลจนกว่าจะถึงฝั่งพระนิพพาน ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ใน ปุคคลสูตร* ความว่า
 
     “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ ฯลฯ เมื่อบุคคลหนึ่งท่องเที่ยวไปมาอยู่ตลอดกัปหนึ่ง มีกองกระดูกใหญ่เท่าภูเขาเวปุลละนี้ ถ้ากองกระดูกนั้นพึงเป็นของที่จะขนมารวมกันได้  และกระดูกที่ได้สั่งสมไว้แล้ว ก็ไม่พึงหมดไป เพราะว่าสงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ ฯลฯ” พระดำรัสของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้แสดงให้เห็นว่า ชีวิตมนุษย์นี้ไม่ได้สิ้นสุดที่เชิงตะกอน แต่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภูมิต่างๆ อีกมากมาย นับภพนับชาติไม่ถ้วน ตราบวันสิ้นกิเลส
 

ปรโลกเป็นสถานที่อยู่ของชีวิตหลังความตาย
 
     ปรโลกเป็นสถานที่อยู่ของชีวิตหลังความตาย เป็นสถานที่หมุนเวียนให้สรรพสัตว์ทั้งหลายที่ประกอบกุศลกรรม และอกุศลกรรมได้วนเวียนไปมา เสวยสุขบ้าง ทุกข์บ้าง ตามแต่อกุศลและกุศลที่ได้สั่งสมไว้ครั้งเป็นมนุษย์ และปรโลกยังตกอยู่ในกฎของไตรลักษณ์เช่นเดียวกับโลกมนุษย์อีกด้วย เป็นกฎธรรมชาติที่ไม่มีผู้ใดหลีกเลี่ยงไปได้ มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และเสื่อมสลายไปในที่สุด
 
ปรโลกเป็นของสากลที่ทุกคนไปได้
 
     โลกใบนี้เป็นโลกแห่งความแตกต่าง แม้เราเป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่เหมือนกัน บางคนหน้าตาสวยงาม บางคนหน้าตาขี้เหร่ บางคนเกิดมามีอวัยวะสมบูรณ์ บางคนพิการ บางคนเกิดในตระกูลเศรษฐี บางคนเกิดในตระกูลยาจก แต่ในความแตกต่างนั้น ยังมีสิ่งที่เหมือนกัน ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นใคร มียศใหญ่ ร่ำรวยเพียงใด จะมีเชื้อชาติ หรือศาสนาใดก็ตาม ล้วนไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากกฎธรรมชาติ คือความตายไปได้ จากตรงนี้ทำให้มีคำถามต่อไปว่า ในเมื่อความตายไม่เลือกว่า บุคคลนั้นจะเป็นใคร มีความเชื่ออย่างไร ดังนั้นชีวิตหลังความตายก็น่าจะอยู่ในกฎเกณฑ์เดียวกัน เพราะเป็นกฎธรรมชาติที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ เหมือนๆ กัน นี้เป็นประเด็นสำคัญที่นักศึกษาควรจะพิจารณา
 ปรโลกเป็นที่ที่ทุกคนต้องไปไม่วันใดก็วันหนึ่ง
 
     หลักคำสอนในหลายๆ ลัทธิความเชื่อที่มีในโลกปัจจุบันนี้ ได้ให้คำตอบเกี่ยวกับเรื่องชีวิตหลัง ความตายไว้แตกต่างกันไป สำหรับพระพุทธศาสนานั้น ก็ให้คำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้เช่นกัน เป็นคำตอบที่ชัดเจนและสมเหตุสมผล ความรู้ตรงนี้ถูกบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก ซึ่งล้วนเป็นเรื่องที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงรู้เห็นด้วยพระปัญญาอันบริสุทธิ์ ที่เกิดจากการฝึกจิตโดยการเอาชีวิตเป็นเดิมพันมานับภพนับชาติไม่ถ้วน เพื่อค้นหาปริศนาของชีวิตเหล่านี้ จนกระทั่งความรู้ของพระองค์เต็มเปี่ยม จึงทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ที่ว่าด้วยเรื่องราวของชีวิตหลังความตาย หรือการเวียนว่ายตายเกิดของสัตวโลกในภพภูมิต่างๆ และเห็นว่าปรโลกนี้เป็นของสากลที่ทุกคนต้องไปในวันใดวันหนึ่ง
 

 

 
กำลังแสดงหน้าที่ 1 จากทั้งหมด 0 หน้า [หน้าถัดไปคือหน้าที่ 2] 1
 

 
เงื่อนไขแสดงความคิดเห็น
1. ทุกท่านมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระเสรี โดยไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ไม่กล่าวพาดพิง และไม่สร้างความแตกแยก
2. ผู้ดูแลระบบขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใด ๆ ต่อเจ้าของความคิดเห็นนั้น
3. ความคิดเห็นเหล่านี้ ไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมาย และไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับคณะผู้จัดทำเว็บไซต์

ชื่อ :

อีเมล์ :

ความคิดเห็นของคุณ :
                                  

              * ใส่รหัสจากภาพที่เห็นลงในช่องด้านล่าง และใส่คำตอบจากคำถาม เพื่อยืนยันการส่งความเห็น
  และสำลีสีอะไร
    

          ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการแสดงความคิดเห็นโดยสาธารณชน ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าชื่อผู้เขียนที่้เห็นคือชื่อจริง และข้อความที่เห็นเป็นความจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ boyoty999@google.com  เพื่อให้ผู้ดูแลระบบทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้