อาจารย์ด้านสมุนไพร ม.มหิดล พบ 'เมล็ดมะขาม' ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง เพราะมีโพลีแซคคาไรด์เพิ่มภูมิคุ้มกัน ชี้งานวิจัยต่างประเทศรองรับ ระบุสามารถกินเป็นอาหารได้...
จากงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 9 "การนวดไทย มรดกไทยสู่มรดกโลก" ที่ศูนย์การประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี มีการแถลงข่าว เรื่อง "รวมพลคนต้านมะเร็งจากสหวิชาชีพ" โดย น.ส.พร้อมจิต ศรลัมน์ อาจารย์ประจำสำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ในปี 2555 มีงานวิจัยของต่างประเทศเกี่ยวกับเมล็ดมะขามจำนวนมาก โดยพบว่า ในเนื้อเมล็ดมะขามมีไขมันและโพลีแซคคาไรด์ ซึ่งเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวไม่ก่อให้เกิดโรคเบาหวานเหมือนน้ำตาลโมเลกุลคู่อย่างกลูโคสและละลายได้ดีในน้ำ
ทั้งนี้ ยังพบว่า โพลีแซคคาไรท์จากเมล็ดมะขาม มีฤทธิ์เสริมประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย โดยหากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่อง หรือน้อยกว่าปกติ โพลีแซคคาไรท์จากเมล็ดมะขามจะกระตุ้นให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น สามารถกำจัดเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ที่ผ่านเข้าในร่างกาย โดยเฉพาะเชื้อไวรัส โดยยังพบว่าสามารถยับยั้งการเกิดเซลล์มะเร็งได้
น.ส.พร้อมจิต กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน งานวิจัยในต่างประเทศเมื่อปี 2550 ยังพบอีกว่าสารสกัดเมล็ดมะขามที่ไม่คั่ว สามารถต้านทานความเป็นพิษต่อตับ กระตุ้นการสร้างเซลล์ตับขึ้นทดแทนส่วนที่เสียไปและมีฤทธิ์ปกป้องไตของหนูทดลองจากสารเคมีที่ก่อมะเร็งต่อไตด้วย โดยในงานวิจัยระบุว่า ได้มีการทำการทดลองในหนูทดลองด้วยการให้พาราเซตามอล ซึ่งเป็นพิษต่อตับขนาด 1 กรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัวหนูทดลอง ติดต่อกัน 7 วัน เพื่อทำลายเซลล์ตับหนู หลังจากนั้นวันที่ 3 เริ่มป้อนสารสกัดน้ำของเนื้อในเมล็ดมะขาม ขนาด 700 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัวหนู เป็นเวลาเป็นเวลา 9 วัน แล้วตรวจหาค่าเอนไซม์ที่ส่อถึงการอักเสบและการทำลายเซลล์ตับ วัดน้ำหนักตับที่เหลือและตัดชิ้นเนื้อตับไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ ก็พบว่าสารสกัดน้ำของเนื้อในเมล็ดมะขาม ไปกระตุ้นการสร้างเซลล์ตับขึ้นทดแทนส่วนที่เสียไปได้
น.ส.พร้อมจิต กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องความเป็นพิษของเมล็ดมะขามต่อร่างกาย ทั้งพิษแบบเฉียบพลันและพิษระยะยาว 3-4 เดือน พบว่าไม่ปรากฏความเป็นพิษในร่างกายแต่อย่างใด ดังนั้น สามารถกินเมล็ดมะขามเป็นเหมือนอาหารอย่างหนึ่งได้โดยการคั่ว หรือนำไปบดแล้วผสมน้ำกินได้ แต่ต้องมีการกินอาหารประเภทอื่นที่มีประโยชน์ร่วมด้วย.