6 ก.ย.55 งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชิตครั้งที่ 9 “การนวดไทย มรดกไทยสู่มรดกโลก” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-9 กันยายน 2555 มีการแถลงข่าว เรื่อง “รวมพลคนต้านมะเร็งจากสหวิชาชีพ” โดยรศ.ดร.พร้อมจิต ศรลัมภ์ อาจารย์ประจำสำนักงานข้อมูลสุมนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหดิล กล่าวว่า ในปี 2012 มีงานวิจัยของต่างประเทศเกี่ยวกับเมล็ดมะขามจำนวนมาก โดยมีนักวิจัยเผยแพร่ผลงานการวิจัย พบว่า ในเนื้อเมล็ดมะขามมีไขมันและโพลีแซคคาไลด์ซึ่งเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวไม่ก่อให้เกิดโรคเบาหวานเหมือนน้ำตาลโมเลกุลคู่อย่างกลูโคสและละลายได้ดีดีในน้ำ
รศ.ดร.พร้อมจิต กล่าวต่อว่า งานวิจัยพบด้วยว่าโพลีแซคคาไลด์จากเมล็ดมะขาม มีฤทธิ์เสริมประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งหมายความว่าหากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่องหรือน้อยกว่าปกติ โพลีแซคคาไลด์จากเมล็ดมะขามจะกระตุ้นให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น สามารถกำจัดเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมต่างๆที่ผ่านเข้าในร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื้อไวรัส ที่สำคัญ พบว่าสามารถยับยั้งการเกิดเซลล์เนื้องอกมะเร็งได้
นอกจากนี้ ยังมีฤทธิ์รักษาภาวะเบาหวานของหนูทดลองโดยมีกลไกซับซ้อนหลายวิธี เช่น ทำให้เกิดการสร้างเบต้าเซลล์ที่ผลิตอินซูลิน เพิ่มประสิทธิภาพในการนำส่งกลูโคสผ่านระหว่างเยื้อผนังเซลล์ตับและเม็ดเลือดเพื่อสร้างไกลโคเจนในตับ รวมทั้ง ดูดกลับกลูโคสที่ไตและนำส่งกลุโคสไปยังกล้ามเนื้อในร่างกาย กล้ามเนื้อหัวใจและเนื้อเยื่อไขมัน เป็นต้น ส่วนเปลือกเมล็ดมะขามที่มีสีน้ำตาล มีส่วนประกอบเป็นแทนนินที่ไม่ละลายในน้ำชนิดเดียวกับเมล็ดองุ่นถึง 35% จึงมีการนำมาพัฒนาต่อทำเป็นตัวพายาเข้าสู่เป้าหมายที่ต้องการในร่างกาย
รศ.ดร.พร้อมจิต กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านั้นมีงานวิจัยในต่างประเทศเมื่อปี 2007 พบว่า สารสกัดเมล็ดมะขามที่ไม่คั่ว สามารถต้านทานความเป็นพิษต่อตับ กระตุ้นการสร้างเซลล์ตับขึ้นทดแทนส่วนท่าเสียไป และมีฤทธิ์ปกป้องไตของหนูทดลองจากสารเคมีที่ก่อมะเร็งต่อไตด้วย โดยทำการทดลองในหนูทดลองด้วยการให้พาราเซตามอลซึ่งเป็นพิษต่อตับขนาด 1 กรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัวหนูทดลอง ติดต่อกัน 7 วัน เพื่อทำลายเซลล์ตับหนู หลังจากนั้นวันที่ 3 เริ่มป้อนสารสกัดน้ำของเนื้อในเมล็ดมะขามขนาด 700 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัวหนูเป็นเวลา 9 วัน แล้วตรวจหาค่าเอนไซม์ที่ส่อถึงการอักเสบและการทำลายเซลล์ตับ วัดน้ำหนักตับที่เหลือและตัดชิ้นเนื้อตับไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์
“มีการทดลองเรื่องความเป็นพิษของเมล็ดมะขามต่อร่างกายเช่นเดียวกัน ทั้งพิษแบบเฉียบพลันและพิษระยะยาว 3-4 เดือน พบว่าไม่ปรากฎความเป็นพิษในร่างกายแต่อย่างใด ดังนั้น สามารถกินเมล็ดมะขามเป็นเหมือนอาหารอย่างหนึ่งได้ แต่ไม่ใช่ว่าทานแต่เมล็ดมะขามเพื่อป้องกันมะเร็งอย่างเดียว โดยไม่ทานอาหารอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีการนำเมล็ดมะขามมาผลิตเป็นสินค้าจำหน่ายหลายรูปแบบ เช่น กาแฟเมล็ดมะขาม หรือชา และเท่าที่ทราบขณะนี้เมล็ดมะขามเริ่มขาดตลาด มีการส่งออกไปขายต่างประเทศ”รศ.ดร.พร้อมจิตกล่าว