
ในที่สุด “บิ๊กโอ๋” หรือ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ก็เลือกวิธี “ตาต่อตา” ได้การออกคำสั่งเด้ง “3 นายพล” ที่ประกอบไปด้วย พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ชาตรี ทัตติ รองปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.พิณภาษณ์ สริวัฒน์ เจ้ากรมเสมียนตรา ไปช่วยราชการสำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม
ทั้งหมดมี “มูลเหตุ” มาจากการแต่งตั้งในตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมที่มีปัญหากันระหว่าง พล.อ.อ.สุกำพล ที่สนับสนุน พล.อ.
ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ผู้ช่วย ผบ.ทบ. กับ พล.อ.เสถียร ที่สนับสนุน พล.อ.ชาตรี
การย้ายไปช่วยราชการครั้งนี้แม้จะเป็นอำนาจที่พึงกระทำได้ แต่สิ่งที่สังคมควรจะต้องถามคือ ทำไม “ฝ่ายการเมือง” อย่าง รมว.กลาโหม จึงไปล้วงโผไปจัดการในลักษณะ “แทรกแซง” ฝ่ายข้าราชการประจำ
พล.อ.เสถียร สนับสนุน พล.อ.ชาตรี เพราะมีความอาวุโสและเหมาะสมกว่า แต่ถ้า พล.อ.อ.สุกำพล จะเสนอคนของตัวเองก็ต้องมีเหตุผลอธิบายมา ที่สำคัญคณะกรรมการหรือบอร์ดที่มีอำนาจตาม พ.ร.บ.กลาโหม ที่ประกอบด้วย ผบ.เหล่าทัพ จะว่าอย่างไร
ประเด็นวันนี้คือการแทรกแซง ไม่ใช่ พล.อ.เสถียร ทำผิดวินัยทหารด้วยการเอาความลับราชการไปเปิดเผย
พล.อ.ทนงศักดิ์ ผู้ที่ว่ากันว่าได้รับการสนับสนุนจาก พล.อ.อ.สุกำพล นั้น มี “พี่ชาย” ชื่อว่า พล.ท.พงศ์เอก อภิรักษ์โยธิน ที่ปัจจุบัน เป็น ส.ว.พะเยา
จ.พะเยา มี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยกทีม 3 คน หนึ่งในนั้นชื่อว่า นายไพโรจน์ ตันบรรจง ซึ่งมี “น้องสาว” แต่งงานกับ พล.ท.พงศ์เอก
แม้จะ “หลายชั้น” ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวกับการผลักดันในครั้งนี้ แต่สิ่งที่ต้องไม่ทิ้งคือ การเมืองเข้ามามีอิทธิพลกับการแต่งตั้งโยกย้ายในครั้งนี้อย่างสูง
พล.อ.เสถียร ให้สัมภาษณ์ภายหลังถูกย้ายฟ้าผ่าไว้ช่วงหนึ่งว่า
“ผมยืนยันว่า ทำตามความถูกต้อง ทำตามตัวบทกฎหมาย ถ้าผมทำตามความถูกต้องแล้วเป็นอย่างนี้ก็ไม่เป็นไร ก็ยอมรับสภาพ แล้วแต่ผู้บังคับบัญชา ทั้งนี้ผมไม่รู้สึกเสียใจ เพราะผมทำตามความถูกต้อง ยอมเสียสละทุกอย่าง แม้แต่ชีวิตยังยอม ทั้งนี้ผมไม่ทราบว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการแทรกแซงทางการเมืองหรือไม่ แต่ไม่เป็นไร เพียงแต่ผมทำตามความถูกต้อง แต่เมื่อถูกลักษณะนี้ก็ไม่เป็นไร อีกหน่อย ผบ.เหล่าทัพ ก็โดนเหมือนกัน ผมเป็นตัวแบบให้”
“ผบ.เหล่าทัพ” ที่ พล.อ.เสถียร เอ่ยถึงน่าจะหมายถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ที่กำลังอยู่ระหว่างปฏิบัติราชการที่ประเทศสิงคโปร์
จากความสัมพันธ์ที่เคยชื่นมื่น บัดนี้ดูจะชัดเจนแล้วว่า เกิด “รอยร้าว” ขึ้นอย่างชัดเจน
พล.อ.อ.สุกำพล สังกัดพรรคเพื่อไทยซึ่งชนะการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย เข้ามาเป็นรัฐบาล ทำหน้าที่ตามที่ประชาชนเลือกเข้ามาแล้ว
และท่าทางว่าคำสั่งเด้งสายฟ้าจะไม่ใช่ครั้งแรกและครั้งสุดท้าย.