นักศึกษา ม.อีสาน โร่แจ้งความถูกหลอกเรียนหลักสูตรวิชาชีพครู จบแล้วได้รับประกาศนียบัตรรับรอง แต่กลับนำไปสมัครสอบบรรจุรับราชการครูไม่ได้ ...

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 26 สิงหาคม 2555 ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอนาแก จ.นคพรนม ได้มีกลุ่มแกนนำนักศึกษาของมหาวิทยาลัยอีสาน นำโดย นายดำรงค์ศักดิ์ ศรีปัดสา อายุ 32 ปี พร้อมด้วย นางสาวณธษา ประโพธิทัง อายุ 29 ชาว อ.นาแก จ.นครพนม แกนนำนักศึกษามหาวิทยาลัยอีสาน และนักศึกษาที่ได้รับความเสียหาย กรณีลงทะเบียนเรียนในหลักสูตรวิชาชีพครู จากมหาวิทยาลัยอีสาน ซึ่งเปิดศูนย์การเรียนที่โรงเรียนนาแกสามัคคีวิทยา จำนวน กว่า 20 คน นำเอกสารหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ สังเวียน ศรียศ พนักงานสอบสวน สภ.นาแก โดยกล่าวหาว่า นายนิยม ไผ่โสภา มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการห้องเรียนศูนย์การเรียนมหาวิทยาลัยอีสาน อ.นาแก จ.นครพนม และ นางอรอนงค์ วังคะฮาต เป็นผู้ประสานงานของศูนย์ เพื่อดำเนินคดีในข้อหาหลอกลวงประชาชน

กรณีที่มีการประสานงานเปิดรับนักศึกษาลงทะเบียนเรียน ในหลักสูตรใบประกอบวิชาชีพครู ตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งใช้ระยะเวลาเรียนประมาณ 1 ปี พร้อมฝึกประสบการณ์ทำงานเป็นเวลาประมาณ 5 เดือน พร้อมชำระค่าลงทะเบียน รายละ 33,600 บาท แต่หลังจากเรียนจบได้รับประกาศนียบัตรรับรองกลับไม่สามารถนำไปสมัครสอบบรรจุรับราชการครูได้ หรือบางคนสามารถสอบบรรจุได้แล้ว แต่ถูกถอดถอน เนื่องจากเป็นการออกใบประกาศนียบัตรหลักสูตรวิชาชีพครูที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และไม่ได้รับรองจากคุรุสภา และมีการเปิดศูนย์การเรียนที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้นักศึกษาเสียสิทธิประโยชน์ที่ควรจะได้รับ โดยได้มีการติดต่อสอบถามไปหลายครั้งแต่ไม่ได้รับการชี้แจง และแก้ไข จึงได้รวมตัวเข้าร้องทุกข์ ดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิดทางกฎหมาย

นางสาวณธษา ประโพธิทัง อายุ 29 ปีชาว อ.นาแก จ.นครพนม แกนนำนักศึกษาที่ได้รับความเดือดร้อน กล่าวว่า สำหรับนักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนหลักสูตรวิชาชีพครูของมหาวิทยาลัยอีสาน ในส่วนของศูนย์การเรียนอำเภอนาแกนั้น เริ่มเรียนมาตั้งแต่ เดือนเมษายน 2553 โดยเรียนทั้งหมดเป็นเวลา 1 ปีแล้วต้องไปฝึกประสบการณ์อีก 5 เดือน ซึ่งพอจบการศึกษาออกมาแล้วได้ใบแสดงผลการเรียนเป็นปกติ แต่เมื่อนักศึกษานำใบแสดงผลการเรียนไปที่คุรุสภา เพื่อไปขอรับใบประกอบวิชาชีพครูแต่กลับได้รับคำตอบว่า ไม่สามารถออกใบประกอบวิชาชีพให้กับผู้ที่จบจากมหาวิทยาลัยอีสานได้ โดยศูนย์อำเภอนาแก จ.นครพนม มีผู้ที่เข้าเรียนทั้งหมด 100 คน และในการเรียนจะต้องเสียค่าลงทะเบียนคนละ 33,600 บาท แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าใครที่ติดต่อเพื่อนมาเรียนด้วย จะได้รับเงินตอบแทน คนละ 1,500 บาท เชื่อว่าน่าจะทำเป็นขบวนการ และเป็นการหลอกลวง ที่สำคัญนอกจากจะเสียเงินแล้ว ยังต้องเสียเวลา เสียอนาคต เสียสิทธิต่างๆ มากมาย เคยติดต่อให้บุคคลที่ดูแลรับผิดชอบมาหาทางแก้ไข และคืนเงินให้กับผู้เสียหาย กับเงียบหายไม่ได้รับคำตอบ จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความดำเนินคดีทางกฎหมาย และฝากหน่วยงานเกี่ยวข้องมาดูแลเรื่องนี้ด้วย เพราะเป็นเรื่องของอนาคตของลูกหลาน

เบื้องต้นทางด้านพนักงานสอบสวนจะได้รวบรวมพยานหลักฐาน เรียกตัวผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวนหาข้อเท็จจริง และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.