เพราะวิกฤตการณ์ด้านพลังงานเป็นปัญหาที่ทุกประเทศทั่วโลกที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากแหล่งพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลในโลกของเรานั้นมีอยู่อย่างจำกัด แต่ความต้องการใช้พลังงานกลับพุ่งสูงขึ้นตามจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นทุกปี
โดยองค์การสหประชาชาติประเมินว่าในอีก 30 ปีข้างหน้า ปริมาณการใช้พลังงานจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า และโลกของเราจะประสบปัญหาการ ขาดแคลนพลังงานฟอสซิลอย่างหนัก ดังนั้นความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการใช้พลังงานฟอสซิลที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดในปัจจุบัน เพื่อให้ลูกหลานของเราได้มีพลังงานใช้อย่างยั่งยืนสืบต่อไปในอนาคต
ด้วยเหตุนี้เอง บริษัทเชลล์ ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวข้องกับพลังงานฟอสซิลจึงได้เล็งเห็นปัญหาที่จะเกิดขึ้น และจัดทำโครงการมุ่งผลักดันให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม
โดย จัดให้มีการแข่งขัน “เชลล์ อีโค-มาราธอน เอเชีย” อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ซึ่งเปิดโอกาสให้นักเรียนนักศึกษาจากทั่วภูมิภาคเอเชีย ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบและประดิษฐ์ยานพาหนะที่วิ่งได้ไกลที่สุดและใช้เชื้อเพลิงน้อยที่สุด วัตถุประสงค์เพื่อปลูกฝังให้เยาวชนได้มีจิตสำนึกในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และร่วมกันคิดค้นนวัตกรรมที่ช่วยลดการใช้พลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
มองกันตรงๆก็คือ บริษัทเชลล์มั่นใจแล้วว่า การจะแก้ไขปัญหาการขาดแคลนพลังงาน หรือ การจะช่วยให้พลังงานมีปัญหาน้อยลง จะต้องได้รับความช่วยเหลือ จาก ด้านการศึกษา
เพราะการศึกษา คือ การค้นคว้า วิจัย คิดค้น สร้างสรรค์ เพื่อให้ปัญหาของโลก และมนุษย์ได้รับการแก้ไข หรือ เกิดหนทางแห่งการจะปกป้องไม่ให้เกิดปัญหาเพิ่มขึ้นอีก
รูปแบบกิจกรรม การแข่งขัน เชลล์อีโค-มาราธอน เอเชีย 2012 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-7 กรกฎาคมนี้ ที่สนามแข่งขันนานาชาติเซปัง ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมีนักเรียนนักศึกษาที่เข้าร่วมการแข่งขันจำนวนทั้งสิ้น 140 ทีมจาก 18 ประเทศทั่วเอเชีย
และประเทศไทยของเรา ก็มีตัวแทนที่เข้าไปร่วมแข่งขันกับเขาด้วย รวม 12 ทีม จาก 9 สถาบันการศึกษา
ทั้งนี้ การแข่งขันจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทรถต้นแบบแห่งอนาคต หรือ Futuristic Prototype ซึ่งมุ่งเน้นนวัตกรรมการออกแบบและการใช้ความคิดสร้างสรรค์ด้านเทคนิคอย่างเต็มที่ ยานพาหนะจึงมีรูปทรงที่เพรียวลมเพื่อลดแรงต้านขณะขับขี่ และประเภทรถแนวคิดเมือง หรือ Urban Concept ซึ่งเน้นการออกแบบที่สอดคล้องความต้องการของผู้ใช้รถในปัจจุบัน ยานพาหนะจึงมีดีไซน์และเทคโนโลยีที่ใกล้เคียงกับรถที่ใช้งานจริงมากกว่า
ไม่ว่าผลจากการแข่งขันจะออกมาอย่างไร วันนี้เราลองมาฟังผู้เข้าร่วมแข่งขัน ที่เป็นตัวแทนของประเทศไทยกันก่อนดีกว่า
นายภานุสิทธิ์ กำปั่นทอง ตัวแทนจากทีมลูกเจ้าแม่คลองประปา เล่าว่า แม้ทีมของเราจะเป็นแชมป์ในปีที่ผ่านมา แต่เราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้เตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันในปีนี้ด้วยการปรับปรุงเครื่องยนต์และระบบคันเร่งให้สามารถปรับความเร็วได้หลายระดับ ทำให้การขับขี่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และมั่นใจจะคว้าแชมป์ในปีนี้มาครองได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 2
ทีม ATE.1 จากโรงเรียนกองทัพบกอุปถัมถ์ ช่างกล ขสทบ. ซึ่งเป็นแชมป์จากการแข่งขันในปี 2010 ก็ได้ลงแข่งขันเพื่อมาทวงตำแหน่งแชมป์ในปีนี้ด้วยเช่นกัน โดยทางทีมได้ปรับปรุงวัสดุที่ใช้ให้มีน้ำหนักเบายิ่งขึ้น และทุ่มเทฝึกซ้อมทุกวันหลังเลิกเรียน
ทีมเขลางค์นคร LPRU A+ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ก็มีแนวคิดในการออกแบบที่น่าสนใจ โดยเป็นทีมเดียวจากประเทศไทยที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการขับเคลื่อนรถเพื่อลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงลง ซึ่งทางทีมใช้เวลาในการประดิษฐ์รถดังกล่าวนานถึง 4 เดือนเลยทีเดียว
ทีม KU Racing จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งเป็นทีมเดียวของไทยที่ลงแข่งในรุ่นรถแนวคิดเมือง เล่าว่า ทางทีมเลือกลงแข่งในประเภท Urban Concept เนื่องจากมีความท้าทายในการสร้างและออกแบบรถมากกว่า เพราะรถที่สร้างขึ้นต้องสามารถใช้งานได้จริงบนท้องถนน จึงมีข้อกำหนดมากกว่าและเปิดโอกาสให้ประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิศวกรรมเครื่องกลที่เรียนมาได้อย่างเต็มที่ โดยนอกจากตัวรถจะมีรูปทรงคล้ายกับรถจริงแล้ว ภายในยังมีระบบระบายอากาศ และระบบขับเคลื่อนที่เหมือนกับรถจริงอีกด้วย
นายเมธี ศรีรุ่งนภาพร ตัวแทนของ ทีม Junior Bricolage จากโรงเรียนโพธินิมิตวิทยาคม ซึ่งเป็นทีมระดับมัธยมศึกษาทีมเดียวของไทย ก็มุ่งคว้าชัยจากแข่งขันในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจมากๆ ที่แม้ทีมของเราจะเป็นทีมนักเรียนที่อายุน้อยที่สุด แต่ก็สามารถก้าวมาถึงจุดนี้ได้สำเร็จ สำหรับการแข่งขันในปีนี้เราจะพยายามเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มากที่สุด เพื่อนำมาใช้พัฒนาในการแข่งขันปีต่อๆ ไปครับ”
นอกจาก 5 ทีมที่กล่าวมา ยังมีทีมเยาวชนจากประเทศไทยที่เข้าร่วมการแข่งขันในปีนี้อีก 7 ทีม ได้แก่ ทีม Catope และ Anode จากวิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง ทีม Auto Max I และ Auto Max II จากวิทยาลัยเทคนิคพัทลุง ทีม INNOGEN KMITL.V1 และ INNOGEN KMITL.V2 จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และทีม Virgin จากวิทยาลัยเทคนิคสกลนคร
สุดท้ายขอให้ นางพิศวรรณ อัชนะพรกุล ประธานกรรมการบริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ได้พูดถึงงานนี้สักหน่อย เธอ กล่าวว่า “การแข่งขันเชลล์ อีโค-มาราธอน ซึ่งจัดขึ้นในภูมิภาคเอเชียอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 แล้วนี้ จะช่วยเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้ฝึกฝนทักษะและความคิดสร้างสรรค์ในการประดิษฐ์ยานพาหนะที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะเรามุ่งหวังว่านักเรียนนักศึกษาที่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ จะนำความรู้ที่ได้ไปใช้ต่อยอดในการประดิษฐ์นวัตกรรมที่ส่งเสริมสิ่งแวดล้อมต่อไปในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเชลล์ในการมีส่วนร่วมกับการพัฒนาของสังคมอย่างยั่งยืนต่อไป”
รวมความแล้ว ผู้จัดงานในครั้งนี้ก็มีความเห็นตรงกันกับผมว่า การศึกษา คือ ความหวังที่จะแก้ปัญหาให้โลกได้ถูกจุดที่สุด ที่ ทุกประเทศจะต้องให้ความสำคัญของการศึกษาเป็นอันดับหนึ่งในการสร้างโลก สร้างมนุษย์ และ สร้างสังคม