ชง 2 แนวทาง "ไม้ของกลาง" เสนอนายกฯ ขายหรือให้รัฐใช้ประโยชน์ ส่วน "พะยูง" กว่าหมื่นคิว กรมป่าไม้ยืนยันไม่ขาย...
จากกรณีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เตรียมรวบรวมจำนวนไม้ของกลางทั้งหมดทั่วประเทศ ในส่วนที่กรมป่าไม้ดูแลรับผิดชอบอยู่ เพื่อทำเรื่องเสนอไปยัง ครม. ขอให้ยกเลิกการห้ามใช้ประโยชน์จากไม้ของกลาง โดยเฉพาะไม้สักกับไม้กระยาเลย ซึ่งรวมถึงไม้พะยูงทั้งหมดเกือบ 3 หมื่นคิว ซึ่งมติ ครม. ได้ห้ามจำหน่ายไว้ ตั้งแต่สมัยที่ นายสุวิทย์ คุณกิตติ เป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ และห้ามไว้ในหลายช่วงเวลา นับตั้งแต่เกิดกรณีไม้สาละวิน จ.แม่ฮ่องสอน ขึ้นนั้น
เมื่อวันที่ 28 พ.ค. นายธนวัตติ์ รุ่งสิทธิ์ศุภรัฐ ผอ.ส่วนยุทธการป้องกันและปราบปรามภาค 3 (กรมป่าไม้) ภาคเหนือ เปิดเผยว่า นายสุวิทย์ รัตนมณี อธิบดีกรมป่าไม้ ได้เร่งให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ทั่วประเทศ ส่งตัวเลขข้อมูลไม้ของกลางที่ดำเนินคดีแล้วเสร็จ เข้ามายังกรมป่าไม้ เพื่อให้ทราบจำนวนที่แน่ชัดว่า มีไม้ของกลางที่กรมป่าไม้รับผิดชอบอยู่เท่าไร เพราะที่ผ่านมา ก็มีไม้ผุพังเสียหายเป็นจำนวนมาก ทั้งไม้สักที่เก็บรักษาไว้นานและไม้เนื้ออ่อนชนิดอื่นๆ จึงต้องรวบรวมจำนวนที่แน่ชัดให้ได้ก่อน จากนั้นจึงจะนำเสนอต่อ ครม. ว่าเห็นชอบให้ดำเนินการอย่างไร ซึ่งอาจไม่ใช่เสนอให้ขายไม้ของกลางอย่างเดียว แต่ให้เป็นดุลยพินิจของรัฐบาลว่า จะนำไม้ของกลางมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไรบ้าง โดยอาจจะเป็นการให้นำมาใช้ประโยชน์แก่ทางราชการทางด้านอื่นๆ ก็ได้
นายธนวัตติ์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาไม้ของกลางเหล่านี้ ต้องมีค่าดูแลในการเก็บรักษา ซึ่งรวมอยู่ในงบประมาณของแต่ละสำนักจัดการทรัพยากรฯ อยู่แล้ว มากน้อยแล้วแต่จำนวนคดีในแต่ละพื้นที่ ซึ่งแต่ละปีก็ถือว่ามีค่าใช้จ่ายในดังกล่าวมากพอสมควร นอกจากนั้น บางคดีที่สำคัญและเป็นคดีใหญ่ เช่น คดีไม้สาละวิน จ.แม่ฮ่องสอน ยังต้องจ้างหน่วยงานอื่น เช่น หน่วยงานทหาร หรือเอกชนช่วยดูแล เพราะกำลังเจ้าหน้าที่และสถานที่ของเราไม่เอื้ออำนวย
ด้านนายสุวิทย์ กล่าวว่า กรมป่าไม้มีข้อเสนอเบื้องต้นไปยังรัฐบาล ซึ่งทำได้ใน 2 แนวทางคือ 1. จำหน่าย โดยให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) เป็นตัวแทนดำเนินการ และให้รายได้ตกเป็นของแผ่นดิน 2. หน่วยงานรัฐนำไปใช้ประโยชน์ต่างๆ เช่น การก่อสร้างอาคาร หรือซ่อมแซมโบราณสถาน เป็นต้น ซึ่งไม้ของกลางที่รวบรวมไว้เบื้องต้นมีประมาณ 2-3 หมื่นคิว เป็นไม้สักกว่า 1 หมื่นคิว และไม้พะยูงจำนวนกว่า 1 หมื่นคิวเช่นกัน ที่เหลือเป็นไม้กระยาเลยอื่นๆ ซึ่งข้อมูลที่กรมป่าไม้รวบรวมไว้ใกล้สมบูรณ์แล้ว เมื่อนายกรัฐมนตรีเรียกดูข้อมูลก็พร้อมรายงานทันที ส่วนไม้พะยูงที่หลายฝ่ายมีความเป็นห่วงมาก เนื่องจากเกิดปัญหาลักลอบตัดมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมทั้งเป็นไม้มีค่าราคาสูง จะแยกบัญชีไม้ของกลางไว้อีกประเภทว่ามีจำนวนเท่าไร เก็บรักษาอย่างไร เพื่อให้รัฐบาลและ ครม.พิจารณาเป็นกรณีพิเศษว่าจะดำเนินการอย่างไร เบื้องต้นทราบว่าจะไม่มีการเสนอขายแน่นอน.