ธรรมดีที่พ่อทำ...เราทำตามพ่อ.....การเกิดมาเป็นคนไทยถือเป็นความโชคดีที่มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ปกครองแผ่นดินทรงมีพระอัจฉริยภาพในทุกด้าน แต่มีกี่คนที่ได้เดินรอยตามนำหลักคำสอนที่ทรงปฏิบัติให้เห็น มาปฏิบัติก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด มูลนิธิธรรมดี โดย ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานกรรมการมูลนิธิฯ ร่วมกับ สำนักงานทูตความดีแห่งประเทศไทย, บริษัท ดีซี คอนซัลแทนส์ฯ และสำนักพิมพ์ดีเอ็มจี ดำเนินการจัดทำรายการ “ธรรมดีที่พ่อทำ” สารคดีกึ่งทอล์กโชว์นำเสนอเรื่องราวความประทับใจ และแรงบันดาลใจของแขกรับเชิญ ที่ได้รับจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 15.45-15.55 น. ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 โดยมีการเปิดตัวรายการเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมจัดสัมมนาหัวข้อ “ถอดรหัส ‘ธรรมดี ที่พ่อทำ’ พระผู้ทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน” เผยคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผ่าน ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ผู้ถวายงานใต้เบื้องพระยุคลบาทมากว่า 35 ปี
ดร.สุเมธ กล่าวว่า สังคมทุกวันนี้ถอยหลังลงเรื่อย ๆมีการทะเลาะเบาะแว้งและรบราฆ่าฟันกัน ซึ่งหลักธรรมที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสอนและควรนำมาปฏิบัติมีเพียง 2 คำหลัก ๆ คือ “ธรรมชาติและธรรมดา” ทรงสอนเสมอว่า ให้เคารพธรรมชาติและทำตัวให้ธรรมดาและเรียบง่าย หากเรามีสติสัมปชัญญะกันสักนิด จะเห็นว่าความจริงแล้วทรงสอนผ่านพระราชดำรัสและโครงการต่าง ๆ ให้ได้เรียนรู้ แต่พวกเรากลับมีความรู้สึกว่า อยากเห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้น ไม่ได้มองให้ลึกลงไปถึงพระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติว่า พระองค์ต้องการสื่อความหมายว่าอะไร
ในส่วนของหลักธรรมในเรื่องของธรรมชาติ ดร.สุเมธ กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหมายถึง ดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งเป็นปัจจัยในการดำรงชีวิตของคนที่ต้องกินต้องใช้จากสิ่งเหล่านี้ พระองค์ทรงรักษาปัจจัยแห่งชีวิตของประชาชน ทรงปลูกต้นไม้ สร้างฝายกักเก็บน้ำ ทรงสอนให้ประชาชนพยายามใช้ชีวิตแบบพออยู่พอกิน แต่คนมีความโลภมีนิสัยแบบขอเหลือกินเหลือใช้ ซึ่งหากยังใช้ชีวิตเช่นนี้ต่อไป ไม่มีการรักษาก็จะอดกินอดใช้ จะให้พระองค์ดึงน้ำจากฟ้ามาให้ใช้ (ฝนหลวง) ลงอ่างเก็บน้ำต้องทำสักกี่ครั้ง เพราะน้ำฝนที่ตกลงมาจากฟ้า 100 หยด อาจไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้เพียง 7 หยดเท่านั้นเอง โดยการ “สอนให้พอเพียง” เพราะมีเหตุผลที่ว่า ทรัพยากรเริ่มมีจำนวนลดน้อยลง แต่ประชากรมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น วิวัฒนาการ เทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ก่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้า แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่สามารถชนะธรรมชาติได้
นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรง “สอนชีวิต” แสดงให้เห็นถึงความกตัญญูกตเวที แม้พระองค์ทรงใช้เวลาเกือบทั้งหมดไปกับการทรงงานเพื่อประชาชน แต่ทุกครั้งที่ทรงมีโอกาสได้พบกับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ส่วนใหญ่เหล่าข้าราชบริพารได้เห็นภาพระหว่างแม่ลูกกอดและหอมกันเสมอ ส่วนเรื่อง “การประหยัด” ก็เช่นเดียวกัน ทรงปฏิบัติให้เห็นเป็นตัวอย่าง เคยมีครั้งหนึ่งเกิดความสงสัยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงใส่นาฬิกายี่ห้ออะไร ก็พยายามมองดูจนพระองค์ท่านหันมารับสั่งว่า อยากรู้ก็ดูเอา จึงได้รู้ว่าทรงใส่นาฬิกายี่ห้อไซโกราคาเพียง 750 บาท กระทั่งผ้าขนหนูที่ทรงใช้ก็ใช้จนเปื่อย และดินสอที่ใช้ก็ทรงใช้จนสั้นกุด
สำหรับหลักธรรม “ทศพิธราชธรรม” 10 ประการ ที่พระมหากษัตริย์ทรงยึดใช้ครองแผ่นดิน เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวว่า คงมีน้อยคนที่จดจำได้ว่ามีอะไรบ้าง แต่หลักธรรม 2 ข้อที่ประชาชนอย่างเรา ๆ สามารถทำกันได้ง่าย ได้แก่ “ทาน” คือ การให้โดยไม่หวังผลประโยชน์ และ “บริจาค” คือ การให้เพียงเล็กน้อย เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ดังนั้นตลอดระยะเวลา 65 ปี พระวรกายที่เสื่อมโทรมลงไปพร้อมกับการที่พระองค์ทรงตรากตรำทำงานรักษาแผ่นดินเพื่อประชาชน จึงอยากให้ประชาชนจำนวน 66 ล้านคน ได้โปรดเดินตามพระองค์ท่านบ้าง เอาสองมือน้อย ๆ ของเราช่วยกันพยุงแผ่นดินให้เจริญก้าวหน้า ด้วยความสำนึกดีชั่วและความสุข เพื่อลูกหลานจะได้มีธรรมชาติ ดิน น้ำ ลม ไฟ ได้ใช้สืบต่อไป.