เรื่องของคนเก่งและคนดีประเทศไทยเรานั้น นำเข้าเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2555 โดย ยกย่องคนดี อ่าน [58529]
ยามที่บ้านเมืองเรากำลังมีปัญหารุมล้อม.....ยามที่บ้านเมืองเรากำลังมีปัญหารุมล้อม ทำให้ผู้ที่มีความห่วงใยประเทศอย่างจริงจังต่างพูดกันมากถึงสาเหตุที่ทำให้ประเทศตกต่ำและวุ่นวายเช่นนี้ และเท่าที่พอจะจับใจความได้ ส่วนมากจะมาจบลงตรงที่คุณสมบัติสำคัญ ๒ ประการของคนไทยเจ้าของประเทศ คือ เรื่องของคนเก่งและคนดี
บ้านเราไม่น่าจะขาดคนเก่ง แต่ปัญหาหลักน่าจะอยู่ที่การขาดคนดีมีคุณธรรมในจำนวนที่มากเพียงพอที่จะนำพาประเทศให้มีความมั่นคงและเจริญก้าวหน้าไปด้วยกัน
แม้เราจะได้นายกรัฐมนตรีที่มีความสามารถ ซื่อสัตย์สุจริต ตั้งใจทุ่มเทต่อการบริหารราชการแผ่นดิน แต่หากมือไม้ที่เป็นรัฐมนตรีส่วนใหญ่ทั้งที่มาจากพรรคตัวเองหรือจากพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่ค่อยได้เรื่อง ก็ทำให้ผู้นำประเทศทำงานได้ยากลำบากอยู่ไม่น้อย
มมีโอกาสได้อ่านหนังสือ (โทรเลข) ของกระทรวงต่างประเทศที่เอกอัครราชทูต (ออท.) คนปัจจุบัน (ดร.จริย์วัฒน์ สันตะบุตร) ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่แจกจ่ายให้กับสำนักงานต่าง ๆ ที่มาปฏิบัติงานร่วมกันในนามทีมประเทศไทยท่าน ออท. ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า หนังสือราชการแต่ละเรื่องที่ข้าราชการของกระทรวงได้จัดทำขึ้นไม่ว่าจะเป็นบันทึกประชุม, ข้อพิจารณาต่าง ๆ นั้น ข้าราชการแต่ละคนต้องทุ่มเท ใช้ความรู้ความสามารถ และใช้เวลาในการจัดทำมิใช่น้อย และท่านเล็งเห็นว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อหน่วยงานอื่น ๆ นอกกระทรวงการต่างประเทศด้วย
ผมเองเห็นด้วยกับท่านอย่างยิ่งในเรื่องนี้ และก็ชอบที่จะอ่าน/ศึกษาหนังสือต่าง ๆ ที่ท่านกรุณาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำสำเนาแจกจ่ายมาให้ในบรรดาหนังสือจำนวนหลายสิบฉบับที่ผ่านตามานั้น มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมอ่านแล้วชอบ แต่ไม่ได้สะดุดตา สะดุดใจอะไรมากนัก คือ เรื่องที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เคยไปแสดงปาถกฐาพิเศษในหัวข้อ “ข้าราชการ ข้าแผ่นดินต้องเป็นคนดีคนเก่ง” ซึ่งสำนักงาน ก.พ. ได้จัดประชุมระหว่างส่วนราชการกับสำนักงาน ก.พ. ประจำปี ๒๕๕๒ เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๗ พ.ย. ๕๒ ณ สำนักงาน ก.พ นนทบุรี โดยมีผู้บริหาร ข้าราชการที่รับผิดชอบด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลจากส่วนราชการต่าง ๆ ประมาณ ๑,๒๐๐ คนเข้าร่วมงาน
และเรื่องดังกล่าวก็ได้นำมาคุยกันท่านทูตในระหว่างรับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองฮัมบวร์ก เมื่อครั้งที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้จัดประชุมทีมประเทศไทยกับกงศุลกิตติมศักด์ประจำเยอรมนี (ริเริ่มเป็นครั้งแรกตามนโยบายของ ออท.) เมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๒ ที่ผ่านมานั้น
ท่านทูตได้กล่าวเสริมจากหนังสือเรื่องดังกล่าวในทำนองว่า “คนดีและคนเก่ง” นั้น แน่นอนว่าเป็นบุคคลอันพึงปราถนาของสังคมโดยรวม แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้นต้องมาพิจารณาดูกันว่าคนคนนั้นมี “คุณค่า” ต่อสังคมและประเทศชาติหรือไม่ เพียงใด
เมื่อได้ฟังประเด็นนี้ ทำให้ผมต้องหยุดคิดและทบทวนบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาทันที
ผมนึกย้อนไปถึงเรื่องที่ผมเคยเขียนเปรยไว้สั้น ๆ ในบล็อกว่า
“ประเทศไทยเรานั้น
คนเก่ง หาได้ไม่ยาก
คนเก่งและเป็นคนดีด้วย ยังพอหาได้ แม้จะมีไม่มาก
ส่วนคนเก่งและเป็นคนดี และมีความกล้า (ที่จะออกมาต่อสู้เพื่อคนอื่น/ส่วนรวม) หาได้ยากและมีไม่เพียงพอ”
ใช่เลยครับ “คนมีค่า” ที่ท่านทูตได้ให้ข้อคิดไว้นี้ มีความหมายครอบคลุมมากกว่า “คนกล้า” ที่ผมพูดถึงไว้ เพราะคนมีคุณค่านั้นมีองค์ประกอบหลาย ๆ อย่าง และความกล้าที่จะออกมาต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง ความไม่เป็นธรรมในสังคม นับเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นคนที่มีคุณค่า
แน่นอนว่าคนมี “คุณค่า” นั้น ควรจะต้องมีความดีเป็นพื้นฐาน และหากมีความเก่งด้วยก็จะยิ่งส่งเสริมให้สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ดียิ่งขึ้นไป
แต่ทั้งนี้ หากจะพูดเฉพาะถึงคุณค่าของคนโดยไม่คำนึงถึง “ความดี” แล้ว ก็อาจจำเป็นต้องแยกแยะให้ชัดขึ้นว่า มีคุณค่าสำหรับใครด้วยเช่นกัน
คนโกง (ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่คนดี) กอบโกย เบียดบังทรัพยากรของประเทศชาติเพื่อตนเอง เพื่อครอบครัว และเพื่อพวกพ้อง เขากลายเป็นคนมีคุณค่าสำหรับคนที่ได้รับประโยชน์จากเขา แต่เขาย่อมไม่ใช่คนที่มีคุณค่าสำหรับส่วนรวมอย่างแน่นอนโดยสรุป เมื่อบวกลบคูณหารแล้ว คุณค่าของคนไม่ดี น่าจะมีค่าติดลบ
ท่านทูตได้เล่าให้ฟังต่อว่า ท่านได้เคยแต่งบทกลอนให้กับผู้มีคุณค่าต่อประเทศไทยท่านหนึ่งที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งเป็นคนที่ผมมีความชื่นชม ศรัทธาเหมือนกับท่านท่านได้อ่านท่อนหนึ่งของบทกลอนดังกล่าวให้ผมฟังระหว่างที่เราได้รับประทานอาหารเช้ามื้อนั้นไปได้ค่อนท้องแล้ว
เมื่อผมได้ฟังกลอนบทนี้แล้วรู้สึกชอบ จึงเรียนท่านว่าอยากนำไปเผยแพร่ลงในบล็อก (แต่ไม่ได้บอกว่าเมื่อไร) ซึ่งท่านก็ยินดี และบอกว่ามีคนเอาบทกลอนของท่านไปทำเป็นบทเพลงด้วย
เมื่อกลับถึงเบอร์ลินแล้ว คุณกรองแก้วฯ ภริยาท่านทูตได้ส่งลิงค์ของคณะนักร้องประสานเสียงสวนพูล (Suanplu Chorus) ให้ผม http://www.suanpluchorus.com/TH/music.html
ท่านทูตได้แจ้งเพิ่มเติมภายหลังว่า เนื้อเพลงบางตอนในเวปไซต์ดังกล่าวมีผิดอยู่บ้าง และไม่ตรงกับบทกลอนทั้งหมดที่ท่านได้แต่งไว้ ซึ่งส่วนที่ไม่ตรงนั้นเข้าใจได้ว่า เป็นความจำเป็นสำหรับการเรียบเรียงเสียงประสานเพื่อนำมาร้องเป็นบทเพลง แต่เนื้อหาส่วนใหญ่ตรงกับที่ท่านแต่งไว้
สิ่งหนึ่งที่ผมภูมิใจอยู่ลึก ๆ ในชีวิตการทำงานคือ ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ใด ผมมักจะเจอกับเพื่อนร่วมงานที่เป็นคนดีอยู่เสมอ ทั้งในระดับที่สูงกว่า เสมอกัน และต่ำกว่า และการมาทำงานอยู่ที่เยอรมนีก็เช่นกัน
ผมโชคดีที่มีโอกาสได้เจอคนแต่งเพลงโดยตรง จึงขออนุญาตท่านนำบทกลอน (บทเพลง) “คนดีมีค่า” มาลง
เหนืออื่นใดคือ ท่านได้ตั้งใจแต่งกลอนนี้ให้ตรงกับคุณลักษณะของคนธรรมดา (ที่ไม่ธรรมดา) ที่มีนามว่า “ปรีดี พนมยงค์”
บทกลอน (บทเพลง) มิได้ระบุถึงชื่อรัฐบุรุษของแผ่นดินในบทเพลงแต่ประการใด ผมจึงเห็นว่าบทเพลงนี้มีความเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะมอบให้ใครก็ตามที่อุทิศตนเป็น “คนดีมีค่า” ของแผ่นดิน
คนดีมีค่า
คำร้อง : ดร.จริย์วัฒน์ สันตะบุตร
ทำนอง/เรียบเรียง : ไกรวัล กุลวัฒโนทัย
ร้อง : คณะนักร้องประสานเสียงสวนพลู
ใครคือคนดีมีค่า อาจแค่คนธรรมดาฟ้าส่ง
เมื่อเกิดบรรเจิดบรรจง ยืนยงเพราะคุณความดี
ใครคือคนดีคนนั้น สร้างสรรค์พิทักษ์ศักดิ์ศรี
เพื่อประชาชีพพร้อมยอมพลี รักเสรีพร้อมสู้กู้ไทย
ใจไม่เคยจะหวั่นไหวคลอน มือไม่เคยจะอ่อนล้าลง
ตามองไปสู่จุดหมายตรง มุ่งดำรงสู่ประชาธิปไตย
เทิดไทยนี้ (เทิดไทยนี้) ในดวงใจ (สุดหัวใจไทย)
ปรารถนานำไทยให้รักสามัคคี
ด้วยสมองสองแขนนำความดี
เพื่อแผ่นดินถิ่นนี้ธำรงค์สมนามไทย
รู้ทุกข์ รู้ธรรม รักถิ่น เสียสละ เพื่อแผ่นดินไว้ชื่อลือไทย
กล้าหาญแม้ทางมีอุปสรรคเพียงไหน
ไม่เคยท้อใจ (ไม่เคยท้อใจ) ไม่เคยท้อเลย (ไม่เคยท้อเลย)
ยังมั่นคงดั่งฟ้าเฉิดฉายดวงตะวัน
ใจไม่เคยจะหวั่นไหวคลอน มือไม่เคยจะอ่อนล้าลง
ตามองไปสู่จุดหมายตรง มุ่งดำรงสู่ประชาธิปไตยเทิดไทยนี้ (เทิดไทยนี้) ในดวงใจ (สุดหัวใจไทย)
ปรารถนานำไทยให้รักสามัคคี
ด้วยสมองสองแขนนำความดี
เพื่อแผ่นดินนี้ธำรงค์สมนามไทย
นี่คือคนดีมีค่า ปรารถนานำไทยรุ่งเรืองสมดังจินต์
ด้วยสมองสองแขนเพื่อแผ่นดิน
ฝากความดีพร้อมพลีชีวินเพื่อเมืองไทย
|