'สุเมธ'ชี้เสือตัวที่ห้าทำลายเกษตรกรรม
.....'สุเมธ'ชี้เสือตัวที่ห้าทำลายเกษตรกรรม
"ดร.สุเมธ" ชี้เสือตัวที่ห้าทำลายเกษตรกรรมชาติ แนะใช้เศรษฐกิจพอเพียงสร้างความมั่นคงทางอาหารรับสงครามแย่งน้ำ-อาหาร ในทศวรรษหน้า ชี้ชาวสวนลำไยยังขาดความรู้ในด้านการพัฒนาคุณภาพ
2ก.พ.2555 ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวในการบรรยายพิเศษเรื่อง "ในหลวงกับการ จัดการทรัพยากรเพื่อความยั่งยืนทางการเกษตร" ในการประชุมวิชาการพืชสวนแห่งชาติครั้งที่ 11 ที่ จ .เชียงใหม่ว่า ตลอด 14 ปี ที่ผ่านมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่าปัจจัยการผลิตทั้งดิน น้ำ และ ป่าไม้ ทุกอย่างมีความสัมพันธ์กัน หากสิ่งใดมีปัญหาก็จะส่งผลกระทบไปถึงกันทั้งหมด พระองค์ท่านจึงใช้น้ำเป็นตัวเชื่อมปัจจัยที่เหลือทั้งหมด ตลอดเวลาที่ผ่านมาพระองค์ทรงทดลอง ทดสอบ ทรงทำงานวิจัยนอกตำราผ่านการปฏิบัติจริง เน้นสร้างความมั่นคงทางอาหารเป็นหลักซึ่งผลที่ออกมาได้แสดงถึงควาามั่นคงในเจตนารมย์ของพระองค์ท่านที่ไม่เคยแปรเปลี่ยน
ดร.สุเมธ กล่าวว่า เป็นความผิดพลาดของการวางแผนพัฒนาประเทศ เพราะการเป็นเสือตัวที่ห้าหมายถึงประเทศอุตสาหกรรมซึ่งขัดกับความพอเพียงพอประมาณ
"หากเราประมาณตนเองเราจะพบว่าเราไม่ใช่เสือแต่เราเป็นควายซึ่งหมายถึงสัญลักษณ์ของเกษตรกรรม นโยบายที่ผ่านมาจึงเป็น ความผิดพลาดของนโยบายรัฐโดยสิ้นเชิง " เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวและว่า
ที่ผ่านมาไทยพยายามไปสู่การเป็นประเทศอุตสาหกรรม แต่มีข้อจำกัดก็คือ ไม่มีเงิน ไม่มีเทคโนโลยี จึงต้องไปกู้หรือนำเข้ามา ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมยังทำลายเกษตรกรรมซึ่งเป็นสมบัติของชาติโดยสิ้นเชิง จะเห็นว่าทุกวันนี้แรงงานพากันเข้าเมืองกันหมด ทั้งหมดนี้ไม่ใช่การประมาณตนตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
ดร.สุเมธ บอกด้วยว่า ในทศวรรษหน้าสงครามแย่งชิงพลังงานจะจบลงเพราะพลังงานหมดโลก จะกลายเป็นสงครามแย่งน้ำแย่งอาหาร วันนี้ทรัพยากรธรรมชาติของโลกลดลงไปแล้วกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ สวนทางกับประชากรที่จะเพิ่มมากขึ้นจาก 6,000 ล้านคนเป็น 9,500 ล้านคนในอีก 30 ปีนี้ ที่หวังให้เทคโนโลยี เข้ามาช่วยผลิตทรัพยากรธรรมชาติและสร้างความมั่นคงทางอาหารมาทดแทนแต่ไม่สามารถทำไม่ได้ สิ่งที่ทำได้ คือการจับมือกันในภูมิภาคเพื่อให้เป็นแหล่งอาหารที่ใหญ่ที่สุดของโลกซึ่งแนวทางนี้หน่วยงานต่างๆต้องนำมาพิจารณา
ชี้ชาวสวนลำไยยังขาดความรู้ในด้านการพัฒนาคุณภาพ
นายประเทือง คงรอด คณะทำงานเฉพาะกิจในการติดตามแก้ไขปัญหาการผลิตและบริหารตลาดลำไยระยะยาว ในคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาผลไม้ภาคเหนือ เปิดเผย ถึงผลผลิตลำไยในปี 2555 ว่า ในขณะนี้ยังไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างชัดเจน เนื่องจากผลผลิตกำลังอยู่ในช่วงของการแทงช่อ แต่จากการสอบถามข้อมูลของเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ คาดว่าปีนี้จะมีผลผลิตออกสู่ตลาดอาจะน้อยกว่า ปีที่แล้ว ที่มีผลผลิต อยู่ที่ 450,000 ตัน หรือ อาจจะมากกว่าปีที่แล้ว เพียงเล็กน้อย บวก ลบ ไม่เกิน 20 % ของปีที่ผ่านมา
เนื่องจากในปีนี้สภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือแปรปรวน และอากาศหนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง และเพื่อความแน่ชัด คาดว่าจะรู้จำนวนผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดในช่วงของต้นเดือนมีนาคม2555 ขณะที่ราคาผลผลิตลำไยในปีนี้ทางคณะทำงานเฉพาะกิจในการติดตามแก้ไขปัญหาการผลิตและบริหารตลาดลำไยระยะยาวต้องดูจากแนวโน้มของผลผลิตอีกครั้ง โดยปีที่ผ่านมาราคาลำไยมัดช่อเกรด AA ราคารับซื้ออยู่ที่ กิโลกรัมละ 20 บาท เกรด A ราคารับซื้อกิโลกรัมละ 16 บาท เกรด B ราคารับซื้อกิโลกรัมละ 11 บาท
ในปีนี้ชาวสวนลำไยจะประสบปัญหาเรื่องของคุณภาพลำไย ที่ไม่ได้มาตรฐาน ทั้งในเรื่องของขนาดผลผลิต การบรรจุ รวมทั้งเรื่องของการดูแลต้นลำไย ที่เป็นปัญหาทุกปีของชาวสวนลำไย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ได้ราคาลำไยของชาวสวนไม่ได้ราคา ดังนั้นทางคณะทำงานจึงจะทำหนังสือไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้แนวทางในการแก้ไข ในการจัดเจ้าหน้าที่มาให้ความรู้เรื่องของการดูแลลำไย การปรับปรุงพันธุ์ที่ให้ผลผลิตลูกโต รวมทั้งสามารถลดต้นทุนในการผลิตได้ โดยจะมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมอนุกรรมการแก้ไขปัญหาผลไม้ภาคเหนือ อีกครั้ง